แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ที่แก้ไขแล้วทั้งตามฎีกาของโจทก์นี้เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น จึงต้องห้ามฎีกา ไม่รับฎีกาของโจทก์
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าเมื่อการกระทำของโจทก์ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทแล้วการที่จำเลยจับกุมคุมขังโจทก์ และจำเลยที่ 1 เรียกเอาเงินจากโจทก์เพื่อให้มีการยอมความนั้น เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ทนายจำเลยทั้งสามได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 35)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148,149,157,200,201,310,311,83,90,91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีโจทก์ไม่มีมูลพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 34)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 35)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ห้ามมิให้คู่ความฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 ที่แก้ไขแล้ว ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้วให้ยกคำร้อง