แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า เนื่องจากโจทก์และจำเลยตกลงกันได้แล้ว โดยจำเลยได้ชำระเงินตามเช็คที่พิพาทในคดีนี้ให้แก่โจทก์เป็นที่เรียบร้อยแล้วโจทก์จึงไม่ประสงค์จะดำเนินคดีกับจำเลยต่อไป จึงขอถอนฟ้องโปรดอนุญาต
หมายเหตุ จำเลยแถลงท้ายคำร้องไม่คัดค้าน (อันดับ 42)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 การกระทำของจำเลยเป็นความผิด2 กระทง ลงโทษจำคุกกระทงละ 8 เดือนรวมจำคุก 1 ปี 4 เดือนจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 8 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ลงโทษจำคุกกระทงละ 4 เดือนรวม 2 กระทง จำคุก 8 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 4 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับ (อันดับ 39)
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง (อันดับ 40 แผ่นที่ 2)
โจทก์ยื่นคำร้องดังกล่าวโดยทนายโจทก์ซึ่งมีอำนาจถอนฟ้องลงชื่อในคำร้อง (อันดับ 42,3)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้เป็นความผิดต่อส่วนตัว โจทก์ย่อมถอนฟ้องได้ก่อนคดีถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 35 วรรค 2 อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)จึงให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ