คำสั่งคำร้องที่ 706-708/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่าอุทธรณ์ของโจทก์ข้อ 2.1 วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม เป็นการอุทธรณ์คัดค้านข้อที่ไม่ได้กล่าวในคำพิพากษาของศาลแรงงานกลางข้อ 2.2 วรรคสี่ วรรคห้า วรรคหก และวรรคเจ็ด เป็นการอุทธรณ์คัดค้านดุลพินิจในการชั่งน้ำหนักพยานของศาลแรงงานกลาง มิใช่เป็นการอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมาย อุทธรณ์ข้อ 3 เป็นการอุทธรณ์คัดค้านดุลพินิจในการชั่งน้ำหนักพยานของศาล มิใช่เป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย จึงมีคำสั่งไม่รับ
โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 เห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสามในข้อ 2.1วรรคหนึ่ง วรรคสองและวรรคสาม เป็นการอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลแรงงานกลางว่าปรับบทกฎหมายผิด อุทธรณ์ในข้อ 2.2 วรรคสี่วรรคห้า วรรคหก และวรรคเจ็ด และอุทธรณ์ข้อ 3 เป็นปัญหาข้อกฎหมายโปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสามไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ศาลแรงงานกลางได้ส่งสำเนาคำร้องให้จำเลยโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับแล้ว (อันดับ 104)
คดีทั้งสามสำนวนนี้ ศาลแรงงานกลางพิจารณาพิพากษารวมกันโดยให้เรียกโจทก์ว่า โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 ตามลำดับ
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยจำนวน 54,787.20บาท ให้โจทก์ที่ 1 จำนวน 20,497.80 บาท ให้โจทก์ที่ 2 และจำนวน34,866 บาท ให้โจทก์ที่ 3
โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 94)
โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 100)

คำสั่ง
อุทธรณ์ของโจทก์ข้อ 2.1 วรรคหนึ่ง วรรคสอง เป็นอุทธรณ์ในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ ส่วนอุทธรณ์ในวรรคสามและอุทธรณ์ข้อ 2.2วรรคสี่ วรรคห้า วรรคหก และวรรคเจ็ด เป็นการอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 ให้ยกคำร้อง

Share