คำสั่งคำร้องที่ 669/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าตามคำเบิกความของ พ. พยานจำเลยแสดงว่ามิได้มีการยกเลิกการประชุมคณะกรรมการโครงการหลักสูตรนานาชาติ และจำเลยไม่ได้รับความเสียหาย เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางฟังมา จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 54
ส่วนอุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าเหตุเลิกจ้างที่ศาลแรงงานหยิบยกขึ้นวินิจฉัยไม่ตรงกับเหตุในคำสั่งเลิกจ้างเอกสารหมาย จ.10คำพิพากษาของศาลแรงงานกลางจึงไม่ชอบนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายไม่ต้องห้ามอุทธรณ์

ย่อยาว

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกันใช้เงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศแก่โจทก์เป็นเงิน 78,095บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 21เมษายน 2536 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยจำเลยที่ 1ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวสำหรับจำเลยที่ 2 และคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 54 ไม่รับอุทธรณ์

โจทก์ยื่นคำร้องว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นสาระสำคัญในคดี ขอศาลฎีกามีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป

ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “พิเคราะห์แล้วที่โจทก์อุทธรณ์ว่าตามคำเบิกความของนางเพ็ญฤดี ศรีวรรธนะ พยานจำเลย แสดงว่ามิได้มีการยกเลิกการประชุมคณะกรรมการโครงการหลักสูตรนานาชาติและจำเลยไม่ได้รับความเสียหายเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางฟังมาว่าโจทก์โทรศัพท์ไปยกเลิกการประชุมคณะกรรมการโครงการหลักสูตรนานาชาติ เป็นการจงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามพระราชบัญญัติการจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 ส่วนอุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าเหตุเลิกจ้างที่ศาลแรงงานกลางหยิบยกขึ้นวินิจฉัยไม่ตรงกับเหตุในคำสั่งเลิกจ้างเอกสารหมาย จ.10 คำพิพากษาของศาลแรงงานกลางจึงไม่ชอบนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย จึงไม่รับอุทธรณ์ข้อนี้ของโจทก์ไว้ดำเนินการต่อไป”

Share