แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกาและยื่นคำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมในชั้นฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีล่วงเลยกำหนดเวลาที่โจทก์จะขอระบุพยานเพิ่มเติมแล้ว จึงให้ยกคำร้อง
โจทก์เห็นว่า คำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 191/2501 และข้อถามค้านของทนายโจทก์เป็นพยานหลักฐานซึ่งเกิดขึ้นใหม่เป็นประโยชน์และเป็นธรรมแก่โจทก์ ขอศาลฎีกาโปรดมีคำสั่งรับคำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมของโจทก์ด้วย โปรดอนุญาต
หมายเหตุ จำเลยแถลงคัดค้าน (อันดับ 203)
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้ห้างหุ้นส่วนเลิกจากกันและให้โจทก์จำเลยร่วมกันชำระบัญชี หากจำเลยขัดข้องให้ตั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้ชำระบัญชี ค่าธรรมเนียมในการชำระบัญชีให้ฝ่ายจำเลยออกครึ่งหนึ่ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาและขอแก้ไขเพิ่มเติมฎีกา (อันดับ 189,191)
โจทก์ยื่นคำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมในชั้นฎีกา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 200)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ศาลฎีกา(อันดับ 201,203)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว โจทก์ยื่นคำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมในชั้นฎีกา ซึ่งเป็นอำนาจของศาลฎีกาที่จะพิจารณาสั่ง ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำร้องดังกล่าวเสียเองจึงไม่ชอบ ให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวและเห็นว่าพยานที่โจทก์ขอระบุเพิ่มเติมในชั้นฎีกา ลำดับที่ 1 เป็นคำพิพากษาศาลฎีกาซึ่งศาลใช้เป็นข้อประกอบในการพิจารณาพิพากษาคดีอยู่แล้ว โจทก์เพียงแต่ระบุ มาในฎีกาหรือแถลงการณ์ประกอบฎีกาก็เพียงพอส่วนลำดับที่ 2 เป็นคำเบิกความของพยานในสำนวน ซึ่งศาลจะต้องตรวจและ พิเคราะห์ ชั่งน้ำหนักอยู่แล้วจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะต้องยื่นบัญชีพยาน เพิ่มเติมอีกให้ยกคำร้องค่าคำร้องเป็นพับ