แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า อุทธรณ์โจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ต้องห้ามอุทธรณ์จึงไม่รับอุทธรณ์
โจทก์เห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายว่า ระเบียบข้อบังคับ เอกสารหมาย จ.4 มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายหรือไม่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดไปจากสำนวน การรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และจากข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางรับฟังเป็นที่ยุติว่า โจทก์ได้รับอนุมัติให้ลาออกโดยไม่มีความผิดนั้น โจทก์มีสิทธิจะได้รับเงินสมทบตามระเบียบข้อบังคับตามกฎหมายหรือไม่ หาใช่อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ทนายจำเลยยื่นคำร้องคัดค้าน (อันดับ 55)
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาจ้างแรงงาน หรือข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน หรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง โดยจ่ายเงินสมทบจำนวน 52,130 บาท ให้แก่โจทก์
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว(อันดับ 51)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 52)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ข้อที่โจทก์อุทธรณ์ตามอุทธรณ์ข้อ 2 ก. ว่าศาลแรงงานกลางไม่ควรรับฟังระเบียบเกี่ยวกับการจ่ายเงินสมทบเอกสารหมาย จ.4 ซึ่งออกมาภายหลัง แต่ควรรับฟังเอกสารหมาย จ.3อันเป็นระเบียบที่ใช้ระหว่างโจทก์เริ่มทำงานจนถึงปัจจุบัน ซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับเงินสมทบประการหนึ่งกับข้อที่โจทก์อุทธรณ์ตามอุทธรณ์ข้อ 2 ข. ว่าที่ศาลแรงงานกลางฟังว่าโจทก์ประกอบกิจการแข่งกับจำเลยผู้เป็นนายจ้างโดยเชื่อคำเบิกความของนางนิตยา พยานบอกเล่าและเชื่อคำเบิกความนายสุพจน์ นายสนิท พยานจำเลยประกอบคำเบิกความของโจทก์ว่าพนักงานในบริษัทจำเลยไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์เป็นการวินิจฉัยผิดไปจากพยานหลักฐานในสำนวนประการหนึ่ง และข้อที่โจทก์อุทธรณ์ตามอุทธรณ์ข้อ 2 ค. ว่าศาลแรงงานกลางรับฟังพยานขัดแย้งกันและโจทก์มิได้กระทำผิดระเบียบข้อบังคับของบริษัทจำเลย อีกประการหนึ่ง นั้นล้วนแต่เป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานให้แตกต่างไปจากข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางฟังเป็นยุติแล้ว จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงทั้งสิ้นต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 ที่ศาลแรงงานกลางสั่งไม่รับอุทธรณ์โจทก์ชอบแล้วให้ยกคำร้อง
