คำสั่งคำร้องที่ 627/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น จึงต้องห้าม ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและ วิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 ไม่รับอุทธรณ์ โจทก์เห็นว่า โจทก์อุทธรณ์ในประเด็นว่า ศาลแรงงานกลางได้พิพากษาโดยวินิจฉัยฝ่าฝืนจากคำพยานหลักฐานในสำนวนอันเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และคดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของผู้จัดการธนาคาร ซึ่งจำเลยตั้งข้อหาว่าปฏิบัติหน้าที่ มิชอบประเมินหลักทรัพย์ไม่ตรงกับความเป็นจริง ถึงจะไม่ปรากฏว่า ได้เสียหายในทางเงินทอง (เพราะยังไม่ได้บังคับจำนอง นำทรัพย์สิน ที่ลูกหนี้นำมาจำนองเป็นประกันขายทอดตลาด) ก็ถือได้ว่า พนักงานกระทำความผิดแล้ว ซึ่งโจทก์เห็นว่าไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง เพราะหากจำเลยได้นำทรัพย์จำนองขายทอดตลาดแล้วได้เงินที่ ให้กู้คืนมาครบถ้วนพร้อมด้วยดอกเบี้ยและยังสามารถฟ้องเรียกทรัพย์ จากพนักงานอันเป็นลูกจ้างของตนได้อีก ก็เป็นการได้รับ ประโยชน์อีกเท่าหนึ่ง ซึ่งขณะนี้จำเลยได้ยื่นฟ้องโจทก์ เป็นคดีอาญาฐานฉ้อโกง ยักยอกไว้ต่อศาลอาญาธนบุรีแล้วโจทก์จึงเห็นว่าเป็นคดีอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนโปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปด้วย หมายเหตุ ทนายจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 88) โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ เป็นธรรม ขอให้บังคับให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่ง และอัตราค่าจ้างไม่ต่ำกว่าเดิมและจ่ายค่าจ้างในระหว่างที่โจทก์ ถูกไล่ออกจากงาน จนถึงวันที่จำเลยรับโจทก์เข้าทำงานโดย ถือเสมือนว่ามิได้มีการไล่ออกจากงาน หากไม่สามารถรับโจทก์ เข้าทำงานได้ ขอให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จำนวน 117,140 บาท ค่าชดเชยจำนวน 351,420 บาท และค่าเสียหาย จากการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมจำนวน 49,321,430.91 บาท แก่โจทก์ ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว (อันดับ 83) โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 86)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าพยานหลักฐาน ฟังได้ว่าโจทก์สมคบกับผู้อื่นฉ้อโกงจำเลย โดยอนุมัติสินเชื่อ ไปโดยทุจริต ยักยอกเอาทรัพย์สินของจำเลยไปเป็นของตนเอง และผู้อื่น เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์ด้วยเหตุ ดังกล่าว จึงเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม โจทก์กระทำการฝ่าฝืนคำสั่ง อันชอบด้วยกฎหมายและระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย เป็นกรณีร้ายแรงจำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย และจำเลยเลิกจ้าง ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า จึงไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าว ล่วงหน้าแก่โจทก์ โจทก์อุทธรณ์ว่าข้อเท็จจริง ฟังไม่ได้ว่า โจทก์ได้อนุมัติสินเชื่อไปโดยทุจริต ยักยอกเอาทรัพย์ของจำเลย ไปเป็นของโจทก์หรือของผู้อื่น โจทก์มีสิทธิกลับเข้าทำงานใหม่ ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยและได้รับค่าชดเชย สินจ้างแทนการ บอกกล่าวล่วงหน้าพร้อมดอกเบี้ย จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงาน และวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share