คำสั่งคำร้องที่ 615/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกา ปัญหาข้อเท็จจริง ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ซึ่ง พิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาสั่งว่า พิเคราะห์แล้วข้อความที่ตัดสินไม่เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดจึงไม่อนุญาตให้ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งฎีกาว่า ผู้พิพากษาที่ตัดสินคดีนี้ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ฎีกาข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกา จำเลยที่ 1 เห็นว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานหรือพยานหลักฐานแสดงว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามฟ้องโจทก์มีเพียงพยานแวดล้อมและคำซัดทอดของผู้ต้องหาด้วยกันซึ่งไม่อาจรับฟังเพื่อลงโทษจำเลยที่ 1 ได้ และฎีกาข้อเท็จจริงของจำเลยที่ 1 เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดได้พิจารณา พิพากษาต่อไป โปรดมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงและรับฎีกาของจำเลยที่ 1 ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ระหว่างพิจารณา นางดวงพร เสรีพาณิชย์การผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91,357 ที่แก้ไขแล้วให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดรวม 12 กระทง ให้จำคุก กระทงละ 2 ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุก 20 ปี ตามมาตรา 91(2) กับให้จำเลยที่ 1 คืนหรือใช้เงิน 5,250,000 บาท แก่ผู้เสียหาย (โจทก์ร่วม) ยกฟ้องจำเลยที่ 2 แต่ให้ขังไว้ ระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 1 ฎีกา และยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ฎีกาและศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 493,484,508,509) จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 512)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ว่าโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานหรือ พยานหลักฐานใดอันแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำความผิด ตามฟ้องก็ดี โจทก์มีเพียงพยานแวดล้อมและคำซัดทอดของผู้ต้องหา ด้วยกันก็ดี ล้วนเป็นปัญหาข้อเท็จจริง และที่อ้างมาในคำร้องว่า เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดได้พิจารณาพิพากษา ก็ปรากฏว่า ผู้พิพากษาซึ่งได้พิจารณาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ไม่อนุญาตให้ฎีกาที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 นั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share