แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์แล้ว คดีนี้มีทุนทรัพย์เพียง 5,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 298 ที่แก้ไขใหม่ ฎีกาของจำเลยทุกข้อเป็นการโต้เถียงดุลพินิจ ในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยในประเด็นที่ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง หรือไม่ จำเลยครอบครองที่พิพาทเพื่อตนเองหรือครอบครอง แทนโจทก์ และคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เป็นฎีกาใน ปัญหาข้อกฎหมายซึ่งเป็นสาระสำคัญในคดี โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 93)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินตามหนังสือรับรอง การทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) เลขที่ 457 เล่ม 5 ข. หน้า 7 ตำบลนาจิก อำเภออำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี เนื้อที่ 1 ไร่ 84 ตารางวา แก่โจทก์ หากไม่ไปจดทะเบียนโอน ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยออกไปจากที่ดินพิพาท และส่งมอบการครอบครอง แก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 81)
ทนายจำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 88)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของจำเลยในประเด็นที่ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่นั้นเป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย จึงเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และประเด็นว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทเพื่อตนเองหรือ ครอบครองแทนโจทก์ ก็เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นกัน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก
ส่วนฎีกาของจำเลยในประเด็นที่ว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ หรือไม่นั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย จึงให้รับฎีกาของจำเลย เฉพาะประเด็นนี้ไว้พิจารณาต่อไป