แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งนัดไต่สวนเพิกถอนการรับฎีกาของจำเลยและมีคำสั่งในวันนัดสืบพยานจำเลยว่า จำเลยไม่มีพยานมาสืบ และนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานจำเลยตามที่สั่งไว้แล้วพิพากษาไปตามรูปคดีต้องถือว่าจำเลยยังเป็นคู่ความในคดีและมีสิทธิฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247 ไม่มีเหตุที่จะต้องนัดไต่สวนหรือเพิกถอนการรับฎีกาของจำเลย ให้ยกคำร้องโจทก์เห็นว่า ฎีกาของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะการแต่งทนายความไม่สมบูรณ์เนื่องจากอำนาจนิติบุคคลไม่ปรากฏชัด และคดีนี้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยถอนคำให้การแล้ว ศาลอุทธรณ์มิได้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว ทั้งจำเลยมิได้ขออนุญาตยื่นคำให้การอีก แต่กลับมายื่นฎีกา นอกจากนั้นคำสั่งศาลอุทธรณ์ก็เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาและไม่ทำให้คดีเสร็จเด็ดขาดไป เมื่อจำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งจึงหามีสิทธิฎีกาคำสั่งนั้นไม่ ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ โปรดมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนเพิกถอนการรับฎีกาของจำเลย
หมายเหตุ ทนายจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 73แผ่นที่ 2)
โจทก์ชำระค่าคำร้องมา 200 บาท
คดีนี้ โจทก์ฟ้อง จำเลยโดยทนายจำเลยยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นทำการชี้สองสถาน กำหนดประเด็นข้อพิพาทและหน้าที่นำสืบ โดยให้โจทก์นำสืบก่อนแล้วให้จำเลยสืบแก้ เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วศาลนัดสืบพยานจำเลย ครั้นถึงวันนัดจำเลยยื่นคำแถลงว่าแต่งตั้งทนายความและยื่นคำให้การโดยสำคัญผิดคิดว่าเป็นจำเลยคดีนี้จึงขอถอนตัวออกจากคดีนี้ ศาลชั้นต้นสั่งให้ทนายจำเลยซึ่งได้รับแต่งตั้งจากสมาคมพ่อค้ายากรุงเทพให้มาดำเนินคดีนี้ถอนคำให้การต่อสู้คดีไปได้ และให้ดำเนินคดีระหว่างโจทก์จำเลยต่อไป กับให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ดำเนินมาตั้งแต่จำเลยขออนุญาตยื่นคำให้การ ฯลฯเป็นต้นมาทั้งหมดเสียและให้โจทก์ดำเนินคดีเกี่ยวกับจำเลยใหม่ทั้งหมดนับแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2527 เป็นต้นมา ทนายโจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้าน ขอให้ศาลมีคำสั่งว่า จำเลยไม่มีพยานมาสืบและนัดฟังคำพิพากษา ศาลชั้นต้นรับเป็นคำแถลงคัดค้าน และสอบโจทก์ว่าจะดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่หรือไม่ ทนายโจทก์แถลงยืนยันว่าแล้วแต่ศาลจะสั่ง ขอให้ศาลพิพากษาคดีไปตามคำแถลงของโจทก์ ศาลชั้นต้นถือว่าโจทก์ไม่ติดใจขอให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 วรรคสอง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานจำเลยตามประเด็นที่สั่งไว้ แล้วพิพากษาไปตามรูปคดีศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวแล้วมีคำสั่งให้นัดสืบพยานจำเลย
ก่อนวันนัดสืบพยานจำเลย จำเลยยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจำเลย (อันดับ 61)
วันนัดสืบพยานจำเลย ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาว่าจำเลยได้ยื่นฎีกาและศาลมีคำสั่งรับฎีกาจำเลยแล้ว จึงให้งดสืบพยานจำเลยไว้ก่อนจนกว่าศาลฎีกาจะมีคำพิพากษา
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการรับฎีกาของจำเลย ฯลฯ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องดังกล่าว (อันดับ 67)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 69)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งยกคำร้องขอให้เพิกถอนการสั่งรับฎีกาของจำเลยนั้น โจทก์จะต้องอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ตามลำดับชั้น จะอุทธรณ์ตรงมายังศาลฎีกาหาได้ไม่ ให้ยกคำร้อง