คำสั่งคำร้องที่ 567/2540

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ฎีกาของจำเลยที่อ้างมาเป็นข้อกฎหมาย ศาลชั้นต้นดำเนิน กระบวนพิจารณาไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมิได้นำรายงานของ พนักงานคุมประพฤติมาเปิดอ่านประกอบการพิจารณาพิพากษาคดี ก็เพียงเพื่อสนับสนุนข้ออ้างว่า คดีมีเหตุสมควรรอการลงโทษ ให้จำเลย เป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ย่อยาว

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จึงไม่รับฎีกาจำเลย

จำเลยเห็นว่า ฎีกาทีว่า การที่ศาลชั้นต้นไม่เปิดผนึกซองรายงานของพนักงานคุมประพฤติและนำมาอ่านประกอบการวินิจฉัยพิจารณาที่พิพากษาคดี เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลย ไว้พิจารณาต่อไป

หมายเหตุ ไม่ปรากฎหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(4)(8), 157, 160 วรรคสาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2535 มาตรา 27, 30 กรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษ หนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลย 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือนไม่มีเหตุ ควรรอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา ดังกล่าว (อันดับ 41)

จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 42)

คำสั่ง

คดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยที่อ้าง มาเป็นข้อกฎหมายว่า ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไม่ชอบ ด้วยกฎหมาย เพราะมิได้นำรายงานของพนักงานคุมประพฤติมาเปิดอ่าน ประกอบการพิจารณาพิพากษาคดี ก็เพียงเพื่อสนับสนุนข้ออ้างว่า คดีมีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลย เป็นการโต้แย้งดุลพินิจ ของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share