แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า ผู้ร้องที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ทุนทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาท ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกา
ผู้ร้องที่ 1 เห็นว่า ฎีกาของผู้ร้องที่ 1 เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ทรัพย์สินที่พิพาทเป็นทรัพย์สินที่ผู้ร้องที่ 1ใช้ในการประกอบอาชีพ ซึ่งถือเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้องที่ 1จำเลยมิใช่ภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องที่ 1 จึงไม่มีสิทธิในทรัพย์สินของผู้ร้องที่ 1 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของผู้ร้องที่ 1ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 93)
กรณีเป็นชั้นบังคับคดี
สืบเนื่องจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนวน3 รายการ รวมราคา 41,000 บาท ตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องโดยอ้างว่าเป็นของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำร้องต่อศาลว่าทรัพย์สินเหล่านี้มิใช่ของจำเลย เครื่องทำน้ำแข็งและตู้เก็บน้ำแข็งเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องที่ 1 ส่วนตู้เย็นพร้อมอุปกรณ์เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องที่ 2 โจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์ของผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยทรัพย์ที่ยึด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ปล่อยตู้เย็นให้แก่ผู้ร้องที่ 2ไป ส่วนคำร้องของผู้ร้องที่ 1 ให้ยกเสีย
ผู้ร้องที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 88)
ผู้ร้องที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 93)
คำสั่ง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า ทรัพย์สินที่ยึดเป็นทรัพย์สินที่จำเลยและผู้ร้องที่ 1 ทำมาหาได้ร่วมกันจำเลยมีสิทธิเป็นเจ้าของอยู่ด้วย ผู้ร้องที่ 1 ฎีกาสรุปใจความสำคัญว่า จำเลยมิได้เกี่ยวข้องหรือทำมาหาได้ร่วมกับผู้ร้องที่ 1ทรัพย์ที่ยึดเป็นของผู้ร้องที่ 1 แต่ผู้เดียว จึงเป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของผู้ร้องที่ 1 ชอบแล้วยกคำร้อง