คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2232/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อกรณีมีเหตุที่ทำให้จำเลยระแวงสงสัยว่าโจทก์อุปการะ เลี้ยงดูหญิงอื่น ถ้อยคำที่โจทก์อ้างว่าจำเลยกล่าวต่อพลทหารรับใช้ ขณะที่โจทก์ไปราชการชายแดนสาปแช่ง โจทก์ว่า ถ้าพิการก็เลี้ยงดูเอาเอง หากตายจะกลับมาเอาเงิน ทั้งบุพการีของโจทก์เป็นผู้ใหญ่เสียเปล่า ทำตัวไม่น่านับถือ หากถ้อยคำดังกล่าวเป็นความจริงก็ไม่เป็นการ หมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์หรือบุพการีของโจทก์เป็นการร้ายแรง เป็นเพียงถ้อยคำที่จำเลยกล่าวด้วยความน้อยใจที่ทราบว่าโจทก์ อุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นเท่านั้น โจทก์อุปการะเลี้ยงดูยกย่องหญิงอื่นฉันภริยาและทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา เมื่อจำเลยไม่สามารถทนอยู่กินกับโจทก์และแยกไปอยู่ที่อื่น มิใช่เป็นกรณีที่จำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ อันจะเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่า แต่กรณีดังกล่าวจำเลยมีสิทธิ ฟ้องหย่าได้ การที่โจทก์ยังอุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นและทำการเป็นปฏิปักษ์ ต่อการเป็นสามีภริยาตลอดมา การกระทำของโจทก์ยังมีเหตุที่จะให้จำเลยฟ้องหย่าได้ตลอดเวลาที่การกระทำยังไม่สิ้นสุด ฟ้องแย้งของจำเลย จึงไม่ขาดอายุความ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นสามีจำเลย จำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์เป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี และหมิ่นประมาทโจทก์และบุพการีของโจทก์เป็นการร้ายแรงขอให้พิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน หากจำเลยไม่ยอมไปจดทะเบียนหย่าให้ถือคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์เป็นผู้ก่อเหตุหย่าแต่ผู้เดียวจำเลยไม่ได้จงใจละทิ้งร้างโจทก์ ไม่เคยด่าว่าโจทก์และบิดามารดาโจทก์ โจทก์ได้อุปการะเลี้ยงดูและยกย่องนางสมคิดเป็นภริยาจนมีบุตรด้วยกัน 1 คน โจทก์ไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูจำเลยอย่างสามีภริยาทั่วไป และทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยาอย่างร้ายแรง ขอให้พิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกันหากโจทก์ไม่ยอมหย่าให้ถือคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทนให้โจทก์ใช้ค่าทดแทน 200,000 บาท กับค่าเลี้ยงชีพ 50,000 บาทแก่จำเลยพร้อมดอกเบี้ย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ระหว่างโจทก์จำเลยอยู่กินเป็นสามีภริยากันโจทก์ไม่เคยยกย่องนางสมคิดเป็นภริยาและไม่มีบุตรด้วยกันโจทก์อุปการะเลี้ยงดูจำเลยตามกำลังของโจทก์ ฟ้องแย้งของจำเลยเคลือบคลุมและขาดอายุความจำเลยไม่มีสิทธิเรียกค่าทดแทนและค่าเลี้ยงชีพ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์และยกฟ้องแย้งของจำเลย
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกันตามฟ้องแย้งของจำเลย ให้โจทก์ชำระเงินค่าทดแทน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องแย้งไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ประการแรกมีว่าเหตุหย่าเกิดจากความผิดของโจทก์หรือจำเลย โจทก์เบิกความว่าได้รับคำบอกเล่าจากพลทหารรับใช้ที่บ้าน 2 คน เมื่อโจทก์กลับจากราชการชายแดนว่าจำเลยได้สาปแช่งโจทก์ว่าถ้าพิการก็เลี้ยงดูเอาเองหากตายก็จะกลับมาเอาเงิน ทั้งผู้บุพการีของโจทก์เป็นผู้ใหญ่เสียเปล่าทำตัวไม่น่านับถือเข้าข้างโจทก์ ถ้อยคำดังกล่าวถ้าหากจำเลยได้กล่าวต่อพลทหารรับใช้ทั้งสองคนจริง จะเป็นการหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์หรือบุพการีโจทก์อันเป็นการร้ายแรงหรือไม่ จะเห็นได้ว่าเมื่อจำเลยย้ายมาพักอยู่กับโจทก์แล้ว มีเหตุที่ทำให้ระแวงสงสัยว่าโจทก์อุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นเป็นเหตุให้จำเลยไม่พอใจและมีการทะเลาะกับโจทก์เสมอ แม้เวลาโจทก์ไม่อยู่บ้านจำเลยจะกล่าวถ้อยคำอย่างที่โจทก์เบิกความจริง ก็มิใช่เป็นการหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์หรือบุพการีของโจทก์ เป็นถ้อยคำที่จำเลยกล่าวด้วยความน้อยใจที่จำเลยทราบว่าโจทก์อุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นและมิใช่เป็นคำกล่าวที่ร้ายแรงอันจะเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าได้ส่วนที่จำเลยละทิ้งโจทก์ไปนั้น ปรากฏว่าจำเลยได้ออกจากบ้านที่พักอยู่กับโจทก์ไปจริง เนื่องจากทะเลาะกันเป็นประจำ จำเลยทนอยู่กับโจทก์ไม่ได้ ได้แยกไปอยู่ที่อื่นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2528 ต่อมาก็ได้อยู่กินกับนางสมคิดจนมีบุตรด้วยกัน 1 คน เกิดเมื่อวันที่ 6พฤษภาคม 2529 แม้จะเป็นเวลาประมาณ 12 เดือน นับแต่จำเลยออกจากบ้านโจทก์ไป แต่เหตุที่โจทก์กับจำเลยทะเลาะและแตกแยกกันก็มีสาเหตุมาจากนางสมคิดและภายหลังโจทก์ก็ได้อยู่กินฉันสามีภริยากับนางสมคิดจริง เป็นพฤติการณ์ที่โจทก์มีความสัมพันธ์กับนางสมคิดมาก่อนที่จำเลยลาออกจากบ้านที่พักกับโจทก์ จึงเป็นกรณีที่โจทก์อุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา และทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา เมื่อจำเลยไม่สามารถทนอยู่กินกับโจทก์และแยกไปอยู่ที่อื่น มิใช่เป็นกรณีที่จำเลยจงใจละทิ้งร้ายโจทก์อันจะเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าได้ แต่กรณีที่โจทก์อุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นฉันภริยาและทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยาจำเลยย่อมมีสิทธิฟ้องหย่าได้ ส่วนจะขาดอายุความหรือไม่นั้นเห็นว่า ขณะนี้โจทก์ยังอยู่กินฉันสามีภริยากับนางสมคิด เป็นการอุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นและกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยาตลอดมา การกระทำของโจทก์ยังมีเหตุที่จะฟ้องหย่าได้ตลอดเวลาที่การกระทำไม่สิ้นสุด ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน.

Share