คำสั่งคำร้องที่ 514/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า คดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ได้ทำการยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 โดยนำยึดโฉนดเลขที่ 5149 ไว้แล้วแต่ปรากฏว่าก่อนที่โจทก์จะนำยึดโฉนดเลขที่ 6334 นั้น จำเลยได้ฎีกาและศาลชั้นต้นได้ส่งสำนวนทั้งหมดไปยังศาลฎีกา จึงทำให้โจทก์ไม่สามารถนำยึดและขายทอดตลาดได้ จึงขอให้ศาลฎีกาส่งสำนวนคดีเกี่ยวกับการยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 ทั้งหมดมายังศาลชั้นต้นเพื่อโจทก์จะได้นำยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 ต่อไป โปรดอนุญาต
หมายเหตุ จำเลยยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ชำระค่าคำร้องมา 20 บาท
สืบเนื่องจากโจทก์กับจำเลยทั้งสองทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2522 ศาลชั้นต้นพิพากษาไปตามยอมแล้วต่อมาโจทก์ยื่นคำขอให้ยึดทรัพย์จำเลยที่ 2 เพื่อบังคับชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลชั้นต้นได้ออกหมายบังคับคดี จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 2 ได้ปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมครบถ้วนแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ชำระหนี้อีก ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งที่ออกหมายบังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 เสียโจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ตามคำขอของโจทก์ต่อไป
จำเลยที่ 2 ฎีกา (อันดับ 119)
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดียึดทรัพย์ จำเลยที่ 2 เพิ่มเติมไว้ชั่วคราวจนกว่าคดีจะถึงที่สุด โดยขอวางหลักทรัพย์เป็นประกันต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง (อันดับ 122)
โจทก์ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 126)

คำสั่ง
อนุญาตให้ส่งสำนวนไปศาลชั้นต้น เสร็จแล้วให้รีบส่งสำนวนคืนศาลฎีกา

Share