แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา คดีมีทางชนะ โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ ทนายโจทก์ทั้งสองในสำนวนแรกได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 166) ส่วนโจทก์ในสำนวนหลังยังไม่ได้รับสำเนาคำร้องคดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงิน 19,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่นายอมรปัทมนรกิจโจทก์ที่ 1 ในสำนวนแรก ให้จำเลยที่ 1 ใช้เงิน 58,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่เด็กชายอนุชิตปัทมนรกิจโจทก์ที่ 2 ในสำนวนแรกให้จำเลยที่ 1ใช้เงิน 23,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ที่ 1 ในสำนวนหลัง และให้จำเลยที่ 1ใช้เงิน 43,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่นายหมา กุมภิโรกับให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวนสำหรับจำเลยที่ 2
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 163,162)
จำเลยที่ 1 ได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์โดยจำเลยที่ 1 ได้นำโฉนดที่ดิน 1 ฉบับ กับเงินสดจำนวน 14,000 บาทซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของนายสุวิทย์ เสียงสุทธิวงศ์ นายประกันมาวางเป็นประกัน และนายสุวิทย์ เสียงสุทธิวงศ์ ได้ทำหนังสือสัญญาค้ำประกันไว้ต่อศาลชั้นต้น (อันดับ 143,150)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ถ้าจำเลยที่ 1 หาประกันสำหรับต้นเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พร้อมด้วยดอกเบี้ยเป็นเวลา 8 ปีแก่โจทก์ที่ 2 ในสำนวนแรก และแก่โจทก์ทั้งสองในสำนวนหลังมาให้จนเป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับจำเลยที่ 1 ไว้ในระหว่างฎีกาเฉพาะที่เกี่ยวกับโจทก์ที่ 2 ในสำนวนแรกและโจทก์ทั้งสองในสำนวนหลังมิฉะนั้นให้ยกคำร้องส่วนที่เกี่ยวกับโจทก์ที่ 1 ในสำนวนแรกศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 คดีย่อมถึงที่สุด จำเลยที่ 1ไม่อาจขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกาในส่วนนี้ได้ ให้ยกคำร้องเฉพาะที่เกี่ยวกับโจทก์ที่ 1 ในสำนวนแรก