คำสั่งคำร้องที่ 497/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา218 ไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงไม่ชอบ และข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมานั้นเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิ หรือไม่โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 118)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิ พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 13)พ.ศ. 2499 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด พ.ศ. 2499 มาตรา 4,5,6,7,8,9 ลงโทษปรับ 12,029,604.52 บาท (สิบสองล้านสองหมื่นเก้าพันหกร้อยสี่บาทห้าสิบสองสตางค์) หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับ ให้กักขังแทนค่าปรับเป็นระยะเวลา 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30ริบของกลาง
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 115)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 118)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่อาจแสดงหลักฐานการเสียภาษีอากรสินค้าของกลางให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบได้ และไม่เชื่อว่าจำเลยซื้อสินค้าของกลางจากร้านค้าโดยผ่าน พิธีการเสียภาษีอากรมาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรฯ ลงโทษปรับจำเลย 12,029,604.52 บาทศาลอุทธรณ์พิพากษายืน การที่จำเลยฎีกาใจความว่าศาลล่างสองศาลไม่รับฟังพยานโดยตรงจากพยานบุคคลและพยานเอกสารหมาย จ.8-จ.15และ จ.21-จ.30 ว่าสินค้าของกลางได้ผ่านพิธีการเสียภาษีอากรของศุลกากรมาแล้ว แต่กลับรับฟังพยานหลักฐานแวดล้อม ทั้งโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าสินค้าของกลางไม่ใช่สินค้าตามเลขที่ในใบขน เลขที่ในใบเสร็จรับเงินภาษีอากร เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงในการชั่ง น้ำหนักพยานหลักฐาน ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share