คำสั่งคำร้องที่ 482/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละ 2 เดือน รวม 2 กระทง จำคุก 4 เดือนโดยไม่รอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้รอการลงโทษไว้โจทก์ฎีกาให้รอการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ฯลฯจึงไม่รับฎีกา
โจทก์ว่า โจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว จึงขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัย หากศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาของโจทก์มิได้เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ของโจทก์ต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 114)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ฯลฯ และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล มีคำสั่งให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3รวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 2 เดือน รวมจำคุก 4 เดือน ส่วนเช็คตามเอกสารหมาย จ.3 ให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รอการลงโทษจำเลยไว้มีกำหนด 1 ปี ฯลฯ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 109)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 111)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละ 2 เดือน รวม 2 กระทงเป็นโทษจำคุก 4 เดือน แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้รอการลงโทษจำเลยไว้ซึ่งเป็นการแก้มากก็ตามแต่ถือได้ว่าศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปีโจทก์จะฎีกาดุลพินิจของศาลขอมิให้รอการลงโทษ ซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงมิได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share