คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เช่าประกอบอาชีพทางรับจ้างปะยางและอาศัยอยู่ในตึกเช่าพร้อมทั้งครอบครัว ปรากฎว่าตึกเช่านี้ตั้งอยู่ในย่านการค้าผู้เช่ายอมเสียเงินกินเปล่า เสียค่าเช่าแพง เสียภาษีป้ายและภาษีร้านค้า ดังนี้ย่อมถือได้ว่าเช่าบ้านเพื่อประกอบกิจการค้า ฉะนั้นแม้ผู้เช่าจะพลอยอาศัยอยู่ด้วย ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกของโจทก์เพื่อการค้าหมดอายุสัญญาเช่าแล้ว จึงบอกเลิกสัญญา จำเลยเพิกเฉยไม่ส่งคืนสถานที่เช่า จึงฟ้องขอให้ขับไล่
จำเลยต่อสู้ว่า เช่าอยู่อาศัย มิได้ทำการค้า
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้าจึงพิพากษาขับไล่
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เดิมจำเลยเช่าตึกแถวของโจทก์อยู่ในถนนสายเดียวกันนี้ ภายหลังจำเลยย้ายมาเช่าตึกรายพิพาทของโจทก์ ทำสัญญาเช่ากันใหม่ มีใจความสำคัญว่า เช่าเพื่อประกอบการค้าเป็นส่วนใหญ่ มีกำหนดเวลา ๒ ปี ในอัตราค่าเช่าเดือนละ ๗๐ บาท และจำเลยยอมเสียเงินกินเปล่าให้แก่โจทก์ ๒,๐๐๐ บาทด้วย จำเลยประกอบอาชีพทางรับจ้างปะยางและอาศัยอยู่ในห้องรายพิพาทพร้อมทั้งครอบครัว ติดป้ายเสียภาษี และภาษีการค้า บัดนี้พ้นกำหนดสัญญาเช่าแล้ว โจทก์แจ้งให้จำเลยออกจากห้องรายพิพาทจำเลยไม่ออก โจทก์จึงมาฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า ห้องรายพิพาทนี้ตั้งอยู่ในย่านการค้าจำเลยยอมเสียเงินกินเปล่า เสียค่าเช่าแพง เสียภาษีป้ายและภาษีการค้า ฟังได้ถนัดว่าจำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้าฉะนั้นแม้จำเลยจะพลอยอาศัยอยู่ด้วย ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้น

Share