แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า เนื่องด้วยนายก่วงแก้วจันอัด ผู้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนางปลาบู่แก้วสกลหรือแก้วสะกลหรือถิ่นใหม่ในคดีนี้ได้ถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2531 ต่อมานายสนอง แก้วจันอัด ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนางปลาบู่แก้วสกลหรือแก้วสะกลหรือถิ่นใหม่ จนศาลจังหวัดนครราชสีมาได้มีคำสั่งแต่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกแล้วผู้ร้องทั้งในฐานะผู้สืบสันดานของนายก่วงแก้วจันอัด และในฐานะผู้จัดการมรดกของนางปลาบู่แก้วสกลหรือแก้วสะกลหรือถิ่นใหม่เห็นว่าเมื่อผู้ร้องในคดีนี้ถึงแก่ความตายคดีจึงไม่เป็นประโยชน์ที่จะพิจารณาต่อไป ขอศาลฎีกาได้โปรดมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ และมีคำสั่งเพิกถอนการอายัดที่ดินที่ผู้คัดค้านได้ขออายัดทรัพย์มรดกไว้ต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา เพื่อผู้ร้องจะได้เข้าทำหน้าที่ผู้จัดการมรดกต่อไป
หมายเหตุ ผู้คัดค้านแถลงคัดค้าน (อันดับ 123)
คดีสืบเนื่องจากนายก่วงแก้วจันอัดหรือแก้วสกลหรือแก้วสะกลผู้ร้องยื่นคำร้องลงวันที่ 13 มีนาคม 2529 ขอเป็นผู้จัดการมรดกของนางปลาบู่แก้วสกลหรือแก้วสะกลหรือถิ่นใหม่ ผู้ตายนางสาวสมัย แก้วสากลหรือแก้วสกล ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านต่อมาผู้คัดค้านยื่นคำร้องลงวันที่ 22 เมษายน 2529 ขอให้ศาลชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้น โดยขอให้ยกคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ร้องและตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกแต่ผู้เดียว
ศาลชั้นต้นสั่งว่า จะวินิจฉัยเมื่อสืบพยานเสร็จแล้วไปพร้อมในคำสั่งหรือคำพิพากษาและวันที่ 1 พฤษภาคม 2529 ผู้คัดค้านได้ยื่นคำร้องขอให้ยกคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ร้องอ้างว่า กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 ศาลชั้นต้นสั่งว่าจะวินิจฉัยไปในคำสั่งเมื่อสืบพยานทั้งสองฝ่ายเสร็จแล้ว ต่อมาคดีเสร็จการพิจารณาศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกและให้ยกคำร้องของผู้คัดค้าน
วันที่ 28 กรกฎาคม 2528 ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งถอนผู้ร้องออกจากการเป็นผู้จัดการมรดก และให้ตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกแทนศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลวินิจฉัยไว้ว่าผู้คัดค้านมิใช่ทายาทหรือมีส่วนได้เสีย และคำวินิจฉัยดังกล่าวยังไม่ถูกเปลี่ยนแปลง ยกคำร้อง
วันที่ 28 กรกฎาคม 2528 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้ร้องทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์มรดกคือที่ดินโฉนดเลขที่ 252ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา พร้อมสิ่งปลูกสร้างจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
ผู้คัดค้านอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นรวม 4 ฉบับ ฉบับแรกอุทธรณ์ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอเป็นผู้จัดการมรดก ฉบับที่สองอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องของผู้คัดค้านที่ขอเป็นผู้จัดการมรดกแทนผู้ร้องฉบับลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2529 ส่วนฉบับที่สามและที่สี่อุทธรณ์ขอให้ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องของผู้คัดค้านฉบับลงวันที่1 พฤษภาคม 2529 และขอให้ศาลชั้นต้นชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายตามคำร้องฉบับลงวันที่ 22 เมษายน 2529 แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์สองฉบับหลังนี้ ผู้คัดค้านจึงอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ทั้งสองฉบับ
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ทั้งสองฉบับ และพิพากษายืนสำหรับอุทธรณ์ฉบับแรกและฉบับที่สองผู้คัดค้านฎีกา รวม 4 ฉบับ (อันดับ 111 แผ่นที่ 1 แผ่นที่ 11แผ่นที่ 15 และแผ่นที่ 21)
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
นายสนอง แก้วจันอัด ผู้ร้องยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 116)
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วจึงให้ส่งสำนวนมายังศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่งต่อไป (อันดับ 144)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ผู้คัดค้านอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีการวม 4 ฉบับแต่ในระหว่างฎีกา นายสนอง แก้วจันอัด ผู้จัดการมรดกของผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่า ผู้ร้องถึงแก่กรรมแล้ว ทางไต่สวนคำร้องได้ความว่าผู้ร้องถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2531 ปรากฏตามภาพถ่ายมรณบัตรเอกสารหมาย ร.1 ทายาทของผู้ร้องไม่อาจจะเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้ร้องที่มรณะได้ คดีจึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาต่อไปให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลฎีกา คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมดในชั้นฎีกาให้ผู้คัดค้าน ค่าคำร้องให้เป็นพับ