คำสั่งคำร้องที่ 470/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 4 ฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ คำสั่งนี้ถึงที่สุด จึงไม่รับฎีกาคำสั่ง
จำเลยที่ 4 เห็นว่า ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยในเนื้อหาอุทธรณ์ของจำเลยที่ 4 คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์จึงยังไม่เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาคำสั่งของจำเลยที่ 4 ไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 70)
กรณีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 4ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ จำเลยที่ 4 อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ ต่อมาจำเลยที่ 4 ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งว่าการขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์จะต้องยื่นภายในระยะเวลาอุทธรณ์ จำเลยที่ 4 ยื่นอุทธรณ์เกินกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายจึงไม่รับ
จำเลยที่ 4 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า พิเคราะห์แล้ว คำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์จะต้องยื่นภายในกำหนดระยะเวลาที่ยื่นฟ้องอุทธรณ์ เมื่อล่วงเลยกำหนดระยะเวลายื่นฟ้องอุทธรณ์แล้วจะเพิ่มเติมแก้ไขอุทธรณ์อีกต่อไปไม่ได้ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์ของจำเลยที่ 4 ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 4 ฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 66)
จำเลยที่ 4 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 67)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า กรณีนี้เป็นเรื่องจำเลยที่ 4 ยื่นคำร้องขอแก้ไขอุทธรณ์ล่วงเลยกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 4 ซึ่งยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 จำเลยที่ 4 จะฎีกาคำสั่งให้รับคำร้องขอแก้ไขอุทธรณ์ของจำเลยที่ 4 อีกไม่ได้ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาคำสั่งของจำเลยที่ 4 นั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

Share