คำสั่งคำร้องที่ 44/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 3 ฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่อนุญาตให้โจทก์ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 จึงให้ยกฎีกาของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 เห็นว่ากรณีที่คำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 นั้นจะต้องเป็นคำสั่งที่เกี่ยวกับเรื่องอนาถา แต่ตามฎีกาของจำเลยที่ 3มิได้คัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับเรื่องอนาถาแต่อย่างใด หากแต่เป็นการคัดค้านว่าศาลอุทธรณ์พิจารณาคดีไม่ชอบด้วยกฎหมายโดยศาลอุทธรณ์ยกประเด็นเรื่องคดีโจทก์มีมูลขึ้นวินิจฉัยโดยที่โจทก์มิได้อุทธรณ์ อันเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 3 ด้วย
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 67แผ่นที่ 4)โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชดใช้เงินค่าเสียหาย พร้อมกับยื่นคำร้องขอดำเนินคดี อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งว่า พิเคราะห์พยานโจทก์ แล้วเห็นว่า คดีโจทก์ไม่มีมูลจะฟ้องร้อง จึงให้โจทก์นำค่าฤชาธรรมเนียมมา ชำระเป็นค่าขึ้นศาลทั้งหมดภายใน 15 วัน มิฉะนั้นให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่าทางไต่สวนได้ความว่าที่ฝ่ายโจทก์ยอมรับค่าเสียหายจำนวน 5,000 บาทจากจำเลยที่ 1 ตามบันทึกการตกลงชดใช้ค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาล หมาย จ.7 โดยโจทก์ยอมรับค่าเสียหายดังกล่าวเพราะจำยอมเพื่อจะนำไปรักษาโจทก์ก่อนและจำเลยที่ 2 ที่ 3 ต้องร่วมรับผิดค่าเสียหายต่อโจทก์ด้วยจึงถือว่าคดีโจทก์มีมูลที่จะฟ้องร้องได้ และได้ความอีกว่าโจทก์มีอาชีพค้าขายผักสดมีรายได้ไม่พอเลี้ยงครอบครัว พอฟังได้ว่าโจทก์เป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาลจึงอนุญาตให้โจทก์ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาได้
จำเลยที่ 3 ฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฎีกาดังกล่าว(อันดับ 61 แผ่นที่ 2)
จำเลยที่ 3 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 63 แผ่นที่ 3)

คำสั่ง
ผู้ร้องฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ได้อนุญาตให้โจทก์ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาซึ่งถึงที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156แม้ผู้ร้องจะฎีกาว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อที่โจทก์มิได้อุทธรณ์เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ต้องห้ามเช่นเดียวกันศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา ชอบแล้วยกคำร้อง

Share