แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้นและผู้พิพากษาที่จำเลยขอให้รับรองก็ไม่รับรองให้จำเลยฎีกาในปัญหาดังกล่าวได้ จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามกฎหมายหรือไม่ การกระทำของจำเลยครบองค์ประกอบความผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่ และการกระทำของจำเลยไม่ครบองค์ประกอบความผิดเรื่องเอาไป ศาลจะนำเรื่องพยายามมาลงโทษจำเลยมิได้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1) จำคุก 4 ปี จำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี8 เดือน ฯลฯ
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 58 แผ่นที่ 3)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 64)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาจำเลยข้อ 4 ที่ว่า จำเลยยังมิได้แบ่งการครอบครองทรัพย์ไปจากเจ้าของโดยเด็ดขาด เพราะยังไม่ได้เอาทรัพย์ออกจากกระเป๋าเพียงยึดถือไว้ชั่วระยะหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นเพียงขั้นพยายามกระทำความผิดไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จนั้น เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ส่วนฎีกาจำเลยข้ออื่นล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง