คำสั่งคำร้องที่ 3936/2529

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสภาพผู้แทนราษฎรมาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ. 2522 ให้นำ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งถือเป็นคำฟ้องจึงต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(3) และมาตรา 172 วรรคสอง
เมื่อผู้ร้องมิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นสภาพแห่งข้อหาว่า การจงใจนับบัตรเลือกตั้งให้ให้ผิดจากความจริงนั้นได้นับผิดจากความจริงด้วยวิธีใด ที่หน่วยเลือกตั้งใด เป็นจำนวนเท่าใด เป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่พอที่จะทำให้ผู้คัดค้านเข้าใจข้อหาได้ดี คำร้องส่วนนี้จึงเคลือบคลุม
ส่วนผู้ที่ร้องมิได้บรรยายในคำร้องให้แจ้งชัดว่ากรรมการหรือเจ้าหน้าที่ตรวจคะแนนผู้ใดได้กระทำการช่วยเหลือผู้สมัครที่ได้รับการเลือกตั้ง ที่หน่วยเลือกตั้งใด จำนวนใด หรือมิได้บรรยายให้ชัดว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งเกินกว่าคนละ 350,000 บาท ไปในกิจการใดบ้าง ก็เป็นคำร้องที่เคลือบคลุมเช่นกัน
เหตุคัดค้านการเลือกตั้งที่ระบุว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งเพื่อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งโดยได้จัดทำ ให้ทรัพย์สินแก่วัด สถาบันการศึกษาเพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนและยังได้จูงใจผู้เลือกตั้งให้ลงคะแนนแก่ตนโดยวิธีแจกสิ่งของต่าง ๆ นั้น เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 35แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาพผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522ซึ่งมีโทษตามมาตรา 84 มิใช่เหตุที่จะร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาพผู้แทนราษฎรตามมาตรา 78 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องคัดค้านโดยอาศัยเหตุดังกล่าว

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดบุรีรัมย์ว่า ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2529 ผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ เขตเลือกตั้งที่ 2สังกัดพรรคมวลชน ได้เครื่องหมายประจำตัวผู้สมัครหมายเลข 16เขตเลือกตั้งดังกล่าวมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 3 คน ประกอบด้วย4 อำเภอ คืออำเภอนางรอง อำเภอหนองกี่ อำเภอประคำ อำเภอละหานทรายและอำเภอบ้านกรวด ผลการเลือกตั้งตามประกาศของจังหวัดบุรีรัมย์ปรากฎว่าในเขตเลือกตั้งนี้มีผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 3 คน คือนายวุฒินันท์ พงษ์อารยะ ผู้สมัครหมายเลข 10 ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 จำนวนคะแนน 55,685 คะแนน นายต่อสู้ ลัทธิกุลผู้สมัครหมายเลข 11 ได้คะแนนเป็นอันดับ 2 จำนวนคะแนน54,787 คะแนน และอันดับ 3 นายไพโรจน์ ติยะวานิช ผู้สมัครหมายเลข 4 ได้ 53,248 คะแนน ส่วนผู้ร้องได้ 44,740 คะแนนเป็นอันดับที่ 4 ไม่ได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันดังกล่าวนั้น ปรากฎว่าในเขตเลือกตั้งที่ 2ทั้งห้าอำเภอ เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนดำเนินการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยจงใจนับบัตรเลือกตั้งให้ผิดไปจากความจริงทุกหน่วยเลือกตั้ง และได้กระทำการช่วยเหลือทำให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 10,11 และ 4 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ในเขตเลือกตั้งที่ 2 ด้วยการเขียนหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ได้มาใช้สิทธิเลือกตั้งลงในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้งแล้วใช้สิทธิกาบัตรลงคะแนน หรือยินยอมให้ผู้อื่นกาบัตรลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 10, 11, และ 4 และยินยอมให้ผู้ที่ลงคะแนนไปแล้วกลับมาลงคะแนนโดยอ้างและลงคะแนนแทนผู้ที่ไม่ได้มาใช้สิทธิ โดยกาบัตรลงคะแนนให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งสามหมายเลขดังกล่าวทำให้คะแนนเกินไปจากความเป็นจริง และผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 10, 11 และ 4 ได้กระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 โดยตนเอง และหรือผู้สนับสนุนได้ใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งเพื่อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งเกินกว่าคนละ 350,000 บาท และยังได้ใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งเพื่อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยได้จดทำ ให้ทรัพย์สิน สัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินแก่วัด สถาบันการศึกษาทำสิ่งอันเป็นสาธารณประโยชน์ต่อส่วนรวมหลายอย่างหลายแห่งและได้แจกสิ่งของหลายอย่างแก่ผู้เลือกตั้ง ทั้งนี้เพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนทุกเขตและทุกหน่วยเลือกตั้ง ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย เพราะหากผู้สมัครหมายเลขดังกล่าวไม่กระทำการเช่นนั้น ก็จะได้คะแนนน้อยกว่าผู้ร้อง จะทำให้ผู้ร้องได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งที่ 2 ขอให้ศาลมีคำสั่งว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดบุรีรัมย์เขตเลือกตั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2529 เป็นไปโดยมิชอบให้ถอนการเลือกตั้งและให้เลือกตั้งใหม่

ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ผู้คัดค้านที่ 1 และผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ เขตเลือกตั้งที่ 2 ทั้งสามคนคือ นายต่อสู้ ลัทธิกุล ผู้คัดค้านที่ 2นายไพโรจน์ ติยะวานิช ผู้คัดค้านที่ 3 และนายวุฒินันท์ พงษ์อารยะ ผู้คัดค้านที่ 4 ต่างยื่นคำคัดค้านคำร้องปฏิเสธข้อหาตามคำร้องเป็นทำนองเดียวกันว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ เขตเลือกตั้งที่ 2 เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายทุกประการไม่มีผู้ใดกระทำการโดยมิชอบตามคำร้องคำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุม ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 และเฉพาะผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 4 คัดค้านด้วยว่า เหตุคัดค้านการเลือกตั้งตามคำร้องข้อ 4(2) นั้นมิใช่เหตุที่จะร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ตามกฎหมายขอให้ยกคำร้องก่อนดำเนินการไต่สวนคำร้อง ผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 3 และที่ 4ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายตามที่ได้ต่อสู้ไว้ในคำคัดค้าน ศาลจังหวัดบุรีรัมย์เห็นว่าคดีพอทำความเห็นได้แล้วจึงให้งดการไต่สวน และทำความเห็นส่งสำนวนมายังศาลฎีกาว่า คำร้องของผู้ร้องในข้อ 3 และข้อ 4(1) เป็นคำร้องที่เคลือบคลุม ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง และผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งโดยอาศัยเหตุตามตามคำร้องข้อ 4(2) เห็นควรให้ยกคำร้องค่าฤชาธรรมเนียมควรให้เป็นพับ

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่าการพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น มาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง บัญญัติว่า”คำฟ้องต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของประกาศกระทรวงและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น”มาตรา 1(3) ได้บัญญัติคำว่า “คำฟ้อง” ให้หมายถึงกระบวนพิจารณาใด ๆที่โจทก์ได้เสนอข้อหาต่อศาล ฯลฯ ไม่ว่าจะได้เสนอในขณะที่เริ่มคดีโดยคำฟ้องหรือคำร้องขอ ฯลฯ ฉะนั้นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง นี้ด้วย

มีปัญหาที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยว่า คำร้องของผู้ร้องในข้อ 3และข้อ 4(1) เป็นคำร้องที่เคลือบคลุมตามความเห็นของศาลชั้นต้นหรือไม่ และผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรโดยอาศัยเหตุตามคำร้องข้อ 4(2) หรือไม่

พิเคราะห์คำร้องของผู้ร้องโดยตลอดแล้ว ตามคำร้องข้อ 3 ที่ผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านการเลือกตั้งประการแรกว่า การเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 2 อำเภอนางรอง อำเภอหนองกี่ อำเภอปะคำอำเภอละหานทราย และอำเภอบ้านกรวด เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนน ได้จงใจนับบัตรเลือกตั้งให้ผิดไปจากความจริงทุกหน่วยเลือกตั้งนั้น เห็นว่าผู้ร้องมิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นสภาพแห่งข้อหาว่าการจงใจนับบัตรเลือกตั้งหรือคะแนนในการเลือกตั้งให้ผิดไปจากความจริงนับได้นับผิดจากความจริงด้วยวิธีใด ที่หน่วยเลือกตั้งใด เป็นจำนวนเท่าใดเป็นผลดีหรือผลร้ายแก่ผู้ร้องหรือผู้ที่ได้รับเลือกตั้งหรือไม่เพียงใด เป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่พอที่จะทำให้ผู้คัดค้านเข้าใจข้อหาได้ดี คำร้องส่วนนี้จึงเคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ มาตรา 172 วรรคสอง

ที่ผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านในข้อ 3 ประการต่อไปว่า เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนน หรือเจ้าหน้าที่คะแนนได้กระทำการช่วยเหลือทำให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 10, 11, 4ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์เขตที่ 2 ด้วยการเขียนหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่มาใช้สิทธิเลือกตั้งลงในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้งแล้วใช้สิทธิกาบัตรลงคะแนน หรือยินยอมให้ผู้อื่นกาบัตรลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 10, 11 และ 4 และยินยอมให้ผู้ที่ลงคะแนนไปแล้วกลับมาลงคะแนนแทนผู้ที่ไม่มาใช้สิทธิกาบัตรลงคะแนนให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งสามหมายเลขดังกล่าวทำให้คะแนนเกินไปจากความเป็นจริงเห็นว่าผู้ร้องมิได้บรรยายให้แจ้งชัดซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นสภาพแห่งข้อหาว่าผู้ใดกระทำการโดยมิชอบเช่นว่านั้น ที่หน่วยเลือกตั้งใน จำนวนเท่าใด หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ได้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่มีการเขียนลงในบัญชีเลือกตั้งว่าได้มาใช้สิทธิโดยมีผู้กาบัตรลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 10, 11 และ 4 นั้น เป็นหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนหมายเลขใด ของผู้ใด ที่หน่วยเลือกตั้งใดเป็นจำนวนมากน้อยเท่าใด ผู้ใดที่ได้ลงคะแนนไปแล้ว ยังได้รับความยินยอมให้กลับมาลงคะแนนได้อีกที่หน่วยเลือกตั้งใด เป็นจำนวนเท่าใด และได้ลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 10, 11 และ4 หมายเลขใด ได้คะแนนเกินไปจากความเป็นจริงจากการกระทำเช่นนี้เป็นจำนวนเท่าใด ดังนั้นคำร้องของผู้ร้องในส่วนนี้จึงเคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง เช่นกัน

ที่ผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านตามคำร้องข้อ 4(1) ว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 10, 11 และ 4 และหรือผู้สนับสนุนได้ใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เพื่อประโยชน์ในการหาเลือกเลือกตั้งเกินกว่าคนละ 350,000 บาทนั้น เห็นว่าผู้ร้องมิได้บรรยายให้แจ้งชัดว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 10, 11 หรือ 4 และหรือผู้สนับสนุนผู้ใด ได้ใช้จ่ายเงินไปในกิจการใดบ้างที่ว่าเกี่ยวการเลือกตั้งไม่ชัดเจนพอที่จะทำให้ผู้คัดค้านเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้ถูกต้องคำร้องข้อนี้ของผู้ร้องจึงเคลือบคลุม ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง อีกเช่นกัน

ส่วนเหตุคัดค้านการเลือกตั้งตามคำร้องของผู้ร้องในข้อ 4(2) ที่ระบุว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 10, 11 และ 4 ได้ใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งเพื่อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งโดยได้จัดทำให้ทรัพย์สินและสัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินแก่วัดสถาบันการศึกษา ทำสิ่งอันเป็นสาธารณประโยชน์ต่อส่วนรวมหลายอย่างและหลายแห่ง เพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนและยังได้จูงใจผู้เลือกตั้งให้ลงคะแนนให้แก่ตนโดยวิธีแจกสิ่งของต่าง ๆ หลายอย่างทุกหน่วยเลือกตั้งอีกด้วยนั้น เห็นว่าถึงหากจะทำการพิจารณาต่อไปและฟังได้ว่าเป็นความจริง การกระทำเช่นนั้นก็เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ซึ่งมีโทษตามมาตรา 84 แต่มิใช่เหตุที่จะร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เพราะพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 78ได้บัญญัติถึงเหตุที่จะร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไว้โดยเฉพาะ ว่าจะต้องมีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 26 มาตรา 32มาตรา 34 มาตรา 51 หรือมาตรา 52 เท่านั้น ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องคัดค้านการเลือกตั้งโดยอาศัยเหตุตามคำร้องข้อนี้ กรณีไม่จำเป็นที่จะต้องพิจารณาว่าได้มีการกระทำตามคำร้องข้อนี้หรือไม่

เมื่อคำร้องของผู้ร้องที่คัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ เขตเลือกตั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 27กรกฎาคม 2529 ในข้อ 3 และข้อ 4(1) เป็นคำร้องที่เคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172วรรคสอง และผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งโดยอาศัยเหตุตามคำร้องข้อ 4(2) ดังกล่าวข้างต้นจึงไม่อาจรับคำร้องไว้พิจารณาได้

มีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ”

Share