แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์แล้วจำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลที่ไม่รับอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืน คดีจึงถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 236 วรรคแรก ต้องห้ามมิให้ฎีกา จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาข้อกฎหมาย ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224ที่แก้ไขใหม่ คดีจึงไม่ถึงที่สุด โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 76)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยพร้อมด้วยบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากอาคารตึกแถวเลขที่ 569/60 ถนนราชปรารภแขวงมักกะสันเขตพญาไท(ราชเทวี) กรุงเทพมหานครและส่งมอบอาคารตึกแถวที่เช่าในสภาพเรียบร้อยให้แก่โจทก์และให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์เดือนละ 5,000 บาทนับแต่วันฟ้อง (22 พฤศจิกายน 2533) จนกว่าจำเลยพร้อมด้วยบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากอาคารตึกแถวที่เช่าและส่งมอบตึกแถวที่เช่าให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ข้อ 2.1ส่วนข้อ 2.2 และ 2.3 มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ (อันดับ 57)
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้อง (อันดับ 60,70)
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 72)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 74)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของจำเลยฉบับลงวันที่ 12 ตุลาคม 2535ตามคำขอท้ายฎีกาเป็นการขอให้ศาลฎีกาพิพากษาแก้คำสั่งของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เป็นว่าให้รับอุทธรณ์ทั้งหมดของจำเลยไว้พิจารณา จึงพอแปลได้ว่าฎีกาดังกล่าวเป็นการฎีกาคำสั่ง ของศาลอุทธรณ์ที่สั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น ซึ่งคำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นที่สุดแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคแรกจำเลยจึงฎีกาคำสั่งนั้นอีกไม่ได้ ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ