แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาจำเลยในประเด็นว่า จำเลยครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ตามมาตรา 1342 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 แก้ไขเพิ่มเติม ฯลฯ รับฎีกาจำเลยเฉพาะประเด็นฟ้องโจทก์ เคลือบคลุมหรือไม่
จำเลยเห็นว่า คดีนี้ดำเนินคดีนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 เดิม กำหนดว่าทุนทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาท ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อคดีนี้มีทุนทรัพย์หนึ่งแสนบาท จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแต่อย่างใด โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ของจำเลยในประเด็นที่ว่า จำเลยครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1342 หรือไม่ด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 102 แผ่นที่ 2)
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ให้จำเลยและบริวารรื้อถอน สิ่งปลูกสร้างบ้านพักอาศัยออกไปจากที่ดินของโจทก์ ให้จำเลย และบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์และห้ามยุ่งเกี่ยวอีกต่อไป และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 300 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 20 พฤษภาคม 2532) เป็นต้นไปจนกว่า จำเลยและบริวารจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบ้านพักอาศัยออกไป จากที่ดินของโจทก์โดยสิ้นเชิง
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 96)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 94)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจะต้องห้ามหรือไม่ ต้องพิจารณาตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะยื่นฎีกา มิใช่กฎหมายที่ใช้บังคับเมื่อเริ่มต้นดำเนินคดี ดังนั้น เมื่อขณะยื่นฎีกาคดีของจำเลยมีทุนทรัพย์ที่โต้แย้งชั้นฎีกา ไม่เกินสองแสนบาท จำเลยจะฎีกาในประเด็นว่าได้กรรมสิทธิ์ ในที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ไม่ได้ ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าว ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง