แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยฎีกา มีทางชนะคดี ศาลชั้นต้นงดการบังคับคดีในส่วนของ เงินค่าเสียหายตามคำพิพากษาและค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องร้อง บังคับคดีไว้แล้ว โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในส่วนที่ให้ จำเลยไปดำเนินการถอนอายัดที่ดินพิพาทด้วย
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 157)
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองเป็นเงิน 20,000 บาท และให้จำเลยไปดำเนินการ ถอนอายัดที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 37450 ตำบลบ้านจั่นอำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี หากจำเลยไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยฎีกาและยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 วรรคสามศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการบังคับคดี ในส่วนของเงินค่าเสียหายตามคำพิพากษา ค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องร้องและบังคับคดีไว้ก่อน (อันดับ 139,141)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 146)
ชั้นอุทธรณ์จำเลยขอทุเลาการบังคับ แต่ไม่ปรากฏคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ในสำนวน คงมีปรากฏในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ว่าศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งให้ยกคำร้องดังกล่าว (อันดับ 96,128 แผ่นที่ 15)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คงเหลือเรื่องขอทุเลาการบังคับให้จำเลยไปดำเนินการถอนการอายัดที่ดินที่พิพาท หากจำเลยไม่ไปดำเนินการ ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย จำเลยอ้าง ในคำร้องว่า จำเลยได้ยื่นฟ้องโจทก์ทั้งสองเป็นคดีศาลชั้นต้น หมายเลขแดงที่ 1846/2532 คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างพิจารณา ของศาลฎีกาจำเลยมีทางชนะ จำเลยประสงค์จะบังคับให้โจทก์ทั้งสอง โอนที่ดินพิพาทให้ มิใช่ประสงค์ที่จะได้เพียงค่าเสียหายจาก โจทก์ทั้งสอง เห็นว่า คดีนี้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ การขอทุเลาการบังคับดังกล่าวของจำเลย ย่อมทำให้โจทก์ ขาดสิทธิประโยชน์ในการจัดการทรัพย์สินของโจทก์ ทำให้โจทก์ ได้รับความเสียหายหนักขึ้น อีกทั้งคดีแดงที่ 1846/2532 ที่จำเลยฟ้องโจทก์ทั้งสองนั้นจำเลยอ้างว่าจะชนะโจทก์ เป็นเรื่องที่จำเลยคาดหวังไว้ สมควรที่จำเลยจะไปว่ากล่าว กับโจทก์ในคดีดังกล่าว จึงไม่มีเหตุอันควรที่จะอนุญาต ให้ทุเลาการบังคับ ให้ยกคำร้อง