แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของ โจทก์ทั้งสองเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงไม่รับฎีกาของโจทก์ทั้งสอง
โจทก์ทั้งสองเห็นว่า ฎีกาของโจทก์ที่ว่าโจทก์ทั้งสองเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ทั้งสองไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ทนายจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 118)
โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์ทั้งสองเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1)เลขที่ 22 หมู่ที่ 20 ตำบลบ้านเม็ง อำเภอหนองเรือ (อำเภอเมืองเดิม ) จังหวัดขอนแก่น และให้ยกเลิกคำขอออกน.ส.3 ก. ของจำเลย ถ้าจำเลยไม่ยินยอมกระทำการดังกล่าวให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยห้ามไม่ให้จำเลยเข้าเกี่ยวข้องในกองมรดกของบิดามารดาของ โจทก์ทั้งสองและห้ามไม่ให้จำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง กับที่ดินดังกล่าว
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา(อันดับ 114)
โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 116)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลล่างทั้งสองฟังว่า โจทก์ทั้งสอง สืบไม่สมว่าได้ครอบครองที่ดินพิพาทฝ่ายเดียว จึงไม่ได้ความ ชัดว่ามีส่วนเพียงใด จึงไม่อาจพิพากษาแสดงสิทธิครอบครองใน ที่ดินพิพาทของโจทก์ทั้งสองตามส่วนที่มีอยู่ได้ ดังนั้นที่ โจทก์ทั้งสองฎีกาว่า ตามคำพยานโจทก์ทั้งสองฟังได้ว่า โจทก์ทั้งสองมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท จึงเป็นฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขใหม่แล้ว ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของ โจทก์ทั้งสองชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง