แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา27วรรคหนึ่งเป็นอำนาจของศาลที่จะทำการไต่สวนได้ตามที่เห็นสมควรตามมาตรา21(4)แต่ถ้าข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวนปรากฏต่อศาลโดยชัดแจ้งว่ามิได้มีการพิจารณาที่ผิดระเบียบศาลย่อมมีอำนาจสั่งยกคำร้องได้โดยไม่จำเป็นต้องไต่สวนการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องเพราะเหตุผู้ร้องไม่ไปศาลตามนัดโดยถือว่าผู้ร้องไม่ติดใจสืบพยานตามที่ศาลได้กำชับไว้แล้วเป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยวิธีพิจารณาในศาลชั้นต้นมิได้มีการพิจารณาที่ผิดระเบียบโดยหลงผิดแต่อย่างใด
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความโดยจำเลยและบริวารยอมส่งมอบห้องพิพาทตามฟ้องคืนโจทก์ทั้งเจ็ดภายในกำหนด 5 ปี นับแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2530 ครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ส่งมอบห้องพิพาทคืน โจทก์ทั้งเจ็ดขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี ต่อมาวันที่ 8 ธันวาคม 2537 ผู้แทนโจทก์ทั้งเจ็ดนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยังห้องพิพาทเพื่อดำเนินการให้โจทก์ทั้งเจ็ดเข้าครอบครองห้องพิพาท ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2537 อ้างว่าผู้ร้องมิใช่บริวารของจำเลยแต่เป็นผู้เช่าห้องพิพาทจากโจทก์ จึงเป็นผู้ทรงสิทธิที่จะอยู่ในห้องพิพาทตามข้อตกลงระหว่างผู้ร้องกับโจทก์ ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้อง ถึงวันนัดผู้ร้องขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุทนายความป่วยศาลชั้นต้นอนุญาต ต่อมาผู้ร้องขอเลื่อนคดีอีก 2 นัด โดยอ้างเหตุผู้ร้องต้องเดินทางไปทำธุระที่ต่างจังหวัดและเพิ่งแต่งทนายความใหม่ ศาลชั้นต้นอนุญาต โดยในนัดที่ 3 ศาลชั้นต้นกำชับว่า ในนัดหน้าถ้าผู้ร้องไม่สืบพยานอีกไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตามจะถือว่าไม่ติดใจสืบพยานอีกต่อไป ครั้นถึงวันนัดผู้ร้องไม่ไปศาลตามกำหนดนัด ศาลชั้นต้นถือว่าผู้ร้องไม่ติดใจสืบพยาน ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องมิได้ไปศาลตามเวลานัดเนื่องจากมีการแก้ไขเวลานัดจาก 13.30 นาฬิกา เป็นเวลา 9 นาฬิกา ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ฉบับลงวันที่ 7 มิถุนายน 2538ผู้ร้องมาศาลในวันเวลา 13.30 นาฬิกา ผู้ร้องมิได้จงใจผิดนัดที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้องเป็นการสั่งโดยผิดหลง ขอให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบดังกล่าวและดำเนินกระบวนพิจารณาของผู้ร้องต่อไป
ศาลชั้นต้นตรวจคำร้องของผู้ร้องแล้วเห็นว่า ศาลไม่ได้สั่งโดยผิดหลงหรือผิดระเบียบ กรณีไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิกถอนการพิจารณาและไม่จำต้องไต่สวนคำร้อง ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาโดยผิดระเบียบอันจะเป็นเหตุให้ผู้ร้องขอให้เพิกถอนได้หรือไม่ที่ผู้ร้องฎีกาว่าตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่ 7 มิถุนายน2538 ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องของผู้ร้องวันที่ 27 มิถุนายน2538 เวลา 13.30 นาฬิกา หาใช่เวลา 9 นาฬิกา ไม่ โดยในรายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าวมีร่องรอยการแก้ไขทั้งในส่วนของวันที่และเวลาที่นัดไว้นั้น เห็นว่า ในส่วนที่เกี่ยวกับวันที่ที่นัดแม้จะมีร่องรอยของการแก้ไข แต่ตามคำร้องของผู้ร้องยอมรับว่าศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องวันที่ 27 มิถุนายน 2538 อันเป็นวันตรงกับที่ระบุไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นและผู้ร้องก็ได้ไปศาลในวันนัดดังกล่าวผู้ร้องคงโต้เถียงแต่เพียงว่าศาลชั้นต้นนัดเวลา 13.30 นาฬิกา หาใช่เวลา 9 นาฬิกา ไม่ในส่วนของเวลานัดไม่ปรากฏร่องรอยชัดแจ้งว่ามีการแก้ไข ที่ผู้ร้องฎีกาโต้เถียงว่า หากนัดเวลา 9 นาฬิกา จะต้องไม่มีเลข 0 นำหน้าเลข 9 นั้น เห็นว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับดังกล่าวในช่องระบุเวลาที่ผู้พิพากษาออกนั่งพิจารณาได้ระบุเวลา 9 นาฬิกาโดยมีเลข 0 นำหน้าเลข 9 เช่นเดียวกัน ทั้งตามประกาศศาลชั้นต้นที่ปิดประกาศแจ้งกำหนดนัดไต่สวนคำร้องให้โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 7ทราบก็ระบุเวลา 9 นาฬิกา โดยประกาศในวันเดียวกันกับที่ศาลชั้นต้นบันทึกรายงานกระบวนพิจารณาฉบับดังกล่าว ประกอบกับโจทก์ที่ 1ไปศาลตามกำหนดเวลานัด ข้ออ้างของผู้ร้องว่าศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องเวลา 13.30 นาฬิกา จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ที่ผู้ร้องฎีกาโต้เถียงอีกว่า ผู้ร้องขอเลื่อนคดีทั้งสามครั้งศาลชั้นต้นอนุญาต หาใช่เป็นการประวิงคดีนั้น เห็นว่า ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องเลื่อนคดีถึง 3 ครั้ง ถือว่าเป็นการให้โอกาสแก่ผู้ร้องโดยคำนึงถึงเหตุจำเป็นและเพื่อไม่ให้เสียความยุติธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย ในการขอเลื่อนคดีครั้งที 3 ศาลชั้นต้นจึงได้กำชับผู้ร้องว่าในนัดต่อไป หากผู้ร้องไม่นำพยานมาสืบให้ถือว่าไม่ติดใจสืบพยาน แต่ผู้ร้องก็ไม่ได้ไปศาลตามกำหนดนัด ศาลชั้นต้นจึงถือว่าผู้ร้องไม่ติดใจสืบพยาน พฤติการณ์ดังกล่าวของผู้ร้องบ่งชี้ว่าผู้ร้องมีเจตนาประวิงคดี ส่วนที่ผู้ร้องฎีกาโต้เถียงเป็นข้อสุดท้ายว่า ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้องโดยไม่ทำการไต่สวนเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า การร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 วรรคหนึ่ง เป็นอำนาจของศาลที่จะทำการไต่สวนได้ตามที่เห็นสมควรตามมาตรา 21(4) แต่ถ้าข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวนปรากฏต่อศาลโดยชัดแจ้งว่ามิได้มีการพิจารณาที่ผิดระเบียบศาลย่อมมีอำนาจสั่งยกคำร้องได้โดยไม่จำเป็นต้องไต่สวน การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องเพราะเหตุผู้ร้องไม่ไปศาลตามนัดโดยถือว่าผู้ร้องไม่ติดใจสืบพยานตามที่ศาลได้กำชับแล้วเป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยวิธีพิจารณาในศาลชั้นต้น มิได้มีการพิจารณาที่ผิดระเบียบโดยผิดหลงแต่อย่างใดอันผู้ร้องจะร้องขอให้เพิกถอนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของผู้ร้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน