แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทและจำเลยฎีกาในข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ไม่รับฎีกาจำเลย
จำเลยเห็นว่า สิทธิในการฎีกาของจำเลยจะต้องเป็นไปตาม กฎหมายเก่าที่ใช้ขณะเกิดเหตุคดีของจำเลยมีทุนทรัพย์เกิน ห้าหมื่นบาท จำเลยจึงฎีกาในข้อเท็จจริงได้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 124)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 173,900 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน87,500 บาท นับแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2533 และในต้นเงิน86,500 บาท นับแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2531 เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องในต้นเงินแต่ละจำนวนดังกล่าว ต้องไม่เกิน 3,090.22 บาท และ 3,240 บาท ตามที่โจทก์ขอ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 113)
ทนายจำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 116)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว สิทธิในการฎีกาต้องเป็นไปตามบทบัญญัติ แห่งกฎหมายที่ใช้บังคับขณะที่ยื่นฎีกา ไม่ใช่ตามกฎหมาย ที่ใชั บังคับขณะมูลคดีเกิดดังที่จำเลยอุทธรณ์ ศาลชั้นต้น สั่งไม่รับฎีกาจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ