คำสั่งคำร้องที่ 3398/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทต้องห้ามฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริง จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามศาลไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า คดีนี้ทุนทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้องมีจำนวน265,000 บาท แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้จำเลย ใช้เงินโจทก์ไม่เกิน 200,000 บาทก็ตาม ในกรณีเช่นนี้น่าจะถือว่าทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาเกิน 200,000 บาท โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 155,000 บาทให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าชำระเสร็จ คำขออื่นให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ จำนวน 100,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 76)
จำเลยจึงยื่นอุทธรณ์คำสั่ง (คำร้อง) นี้ โดยจำเลยมิได้นำเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางศาล และจำเลยเรียกค่าคำร้องมา 200 บาท (อันดับ 78)

คำสั่ง
คดีที่ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 นั้น ต้องมีจำนวนทุนทรัพย์ ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท กล่าวคือ ถือทุนทรัพย์ ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาเป็นเกณฑ์ หาใช่ถือทุนทรัพย์ที่พิพาทกัน ตามที่โจทก์ฟ้องไม่ เมื่อจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกา คดีนี้มีเพียง 100,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ตามบทบัญญัติดังกล่าวที่ศาลชั้นต้นสั่ง ไม่รับฎีกาของจำเลย ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share