แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลแรงงานกลางพิจารณาพยานหลักฐานแล้ววินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองมิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อต่อโจทก์โจทก์อุทธรณ์ว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหาย ดังนี้ อุทธรณ์ของโจทก์เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน 663,093 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังข้อเท็จจริง เป็นการอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯมาตรา 54 จึงไม่รับอุทธรณ์
โจทก์ยื่นคำร้องว่า อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสามข้อดังกล่าวเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย มิใช่เป็นการอุทธรณ์ดุลพินิจในการรับฟังข้อเท็จจริงของศาลชั้นต้นแต่ประการใด และอุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่สมควรได้รับการวินิจฉัย โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “พิเคราะห์แล้ว ศาลแรงงานกลางพิจารณาพยานหลักฐานแล้ว วินิจฉัยข้อหาตามคำฟ้องทุกข้อว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองมิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อต่อโจทก์ตามฟ้อง โจทก์อุทธรณ์โดยสรุปว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมานั้นฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหายอุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง”