แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า อุทธรณ์ข้อ 2,3 เป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ไม่รับเป็นอุทธรณ์รับเฉพาะอุทธรณ์ข้อ 4 และข้อ 5
โจทก์เห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์ข้อ 2 เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลจะรับฟังข้อเท็จจริงจากเอกสารหมาย ล.2 ซึ่งเป็นสำเนาเอกสารและเป็นเอกสารปลอมไม่ได้และอุทธรณ์ข้อ 3 ที่ว่า ศาลฟังข้อเท็จจริงขัดต่อพยานหลักฐานในสำนวนแล้ววินิจฉัยว่าจำเลยไม่ต้องจ่ายค่าล่วงเวลาในวันหยุดแก่โจทก์อีก ก็เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ข้อ 2 ข้อ 3 ไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ จำเลยแถลงคัดค้าน (อันดับ 48)
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าล่วงเวลาในวันหยุดค่าครองชีพ ค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าค่าเสียหาย ค่าเช่าบ้าน และค่าไฟฟ้าพร้อมดอกเบี้ย ฯลฯให้แก่โจทก์
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 35)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 44)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่ได้เลิกจ้างโจทก์ ที่โจทก์อุทธรณ์ข้อ 2 ว่า ศาลแรงงานกลางจะนำเอกสารหมาย ล.2 ซึ่งเป็นสำเนาใบลาออกและเป็นเอกสารปลอมมารับฟังว่าโจทก์ลาออกไม่ได้นั้น เป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางอันเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ในข้อ 3 ว่าโจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าล่วงเวลาในวันหยุดซึ่งจำเลยจ่ายให้โจทก์ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย การที่ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ได้ค้างค่าล่วงเวลาโจทก์ จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าล่วงเวลาในวันหยุดให้โจทก์อีกนั้น เป็นการวินิจฉัยคดีขัดต่อพยานหลักฐานในสำนวนเห็นว่าการที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยคดีดังกล่าวก็โดยอาศัยข้อเท็จจริงจากคำเบิกความของตัวโจทก์นั่นเอง หาใช่เป็นการวินิจฉัยโดยขัดต่อพยานหลักฐานในสำนวนแต่อย่างใดไม่ ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ทั้ง 2 ข้อนี้จึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง