คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาให้สินน้ำใจอันจะเป็นผิดตาม ม.1+7 นั้นจะต้องปรากฎว่าได้กระทำการในหน้าที่อันเป็นคุณแก่บุคคลผู้ให้สินน้ำใจ ความผิดตาม ม.137 นั้นผู้กระทำไม่จำเป็นต้องทำการนอกเหนือจากหน้าที่ เพียงแต่รับสินจ้างเพื่อช่วยเหลือกิจการในหน้าที่ก็เป็นผิดตามมาตรานี้ได้ ประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.213 ฎีกาอุทธรณ์ อำนาจศาลฎีกา เหตุลักษณคดี ฟ้องหาว่าจำเลยให้แลรับสินน้ำใจซึ่งกันและกัน เมื่อไม่ปรากฎว่าสัญญานั้นเป็นสัญญารับสินบน แม้จำเลยคนใดคนหนึ่งจะมิได้ฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องตลอดถึงคนที่ไม่ฎีกาด้วยได้

ย่อยาว

ได้ความว่า ท.จำเลยเป็นเจ้าพนักงานรังวัดที่ดินมีหน้าที่เขียนแผนที่ตามประทานบัตร์ที่ขออนุญาตตกมาแลหน้าที่อื่น ๆ อีกในเมื่อได้รับคำสั่งจากหัวหน้า พระยาดำรงฯผู้ยื่นเรื่องราวขอประทานบัตร์เหมืองแร่ได้ทำสัญญาให้ไว้กับ ท.จำเลยเกี่ยวกับการขออาชญาบัตร์ผูกขาดในสิ่งที่จะช่วยได้ ตลอดจนได้ขายกรรมสิทธิแก่ผู้ทำเหมือง ท. จำเลยได้รับจะจัดทำให้ต่อไปจนเป็นผลสำเร็จ ในการนี้พระยาดำรง ฯ สัญญาจะจ่ายค่าแรงให้แก่ ท.ไร่ละ ๕ บาท ระหว่างนี้พระยาดำรง ฯ ถึงแก่กรรม ข.จำเลยจึงให้สลักหลังสัญญาในฐานะเป็นผู้แทนผู้จัดการมฤดกของพระยาดำรง ฯว่ายินยอมจะให้ค่าตอบแทนแก่ ท. จำเลยตามที่ปรากฎข้อความในสัญญาได้ความดั่งนี้โจทก์จึงฟ้องหาว่าจำเลยรับสินบนแลให้สินบน ขอให้ลงโทษจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าความประสงค์ของพระยาดำรง ฯ ในการทำสัญญาก็เพื่อต้องการความสะดวกในการขอผูกขาดตรวจแร่แม้ ท.จำเลยเป็นเพียงพนักงานรังวัดก็ปรากฎว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการเกี่ยวกับการผูกขาดตรวจแร่ของพระยาดำรง ฯ สิ่งที่พระยาดำรง ฯ ให้ช่วยเหลือจึงเป็นกิจการอยู่ในหน้าที่ของ ท. ท.จำเลยจึงมีผิดตาม ม.๑๓๗ ส่วน ข. จำเลยนั้นเห็นว่าได้สลักหลังสัญญาก็เพื่อได้รับความเอื้อเฟื้อสนับสนุนจาก ท. มีผิดตาม ม.๑๓๗ ประกอบด้วย ม.๑๒๕-๑๒๖
ท.จำเลยผู้เดียวฎีกา
ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยศาลอุทธรณ์ในข้อที่ว่าความผิดฐานนี้ หาจำต้องปฏิบัติการนอกเหนือผิดจากระเบียนในหน้าที่ จึงจะเป็นผิดไม่ เพียงแต่รับสินจ้างเพื่อช่วยเหลือกิจการในหน้าที่ก็เป็นผิดแล้ว แต่เห็นว่าโจทก์ไม่มีพะยานมาสืบว่า ท.ได้กระทำไปเป็นพิเศษนอกเหนือหน้าที่หรือในหน้าที่ซึ่งเป็นการให้คุณแก่พระยาดำรง ฯ หรือ ข.จำเลยเนื่องจากสัญญาหรือการสลักหลังสัญญารายนี้ จะถือว่าเป็นสัญญาให้ของน้ำใจตาม ม.๑๓๗ หาได้ไม่ จึงยังไม่มีผิดแลเห็นว่าข้อที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดว่า ข.จำเลยกระทำผิดตามมาตรา ๑๒๕-๑๒๖ ด้วยนั้น เมื่อทางพิจารณาไม่ปรากฎว่า ข.ได้ขอให้ ท. กระทำหรือละเว้นกระทำการสิ่งใดอันจะเป็นผิดตามมาตรา ๑๒๕ เพราะฉะนั้น ข. จึงไม่มีผิดตามมาตรา ๑๒๕-๑๒๖ คำพิพากษาย่อมมีผลถึง ข.จำเลยผู้ไม่ฎีกาด้วย เพราะเป็นเหตุในลักษณคดี จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share