คำสั่งคำร้องที่ 316/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับฎีกาจำเลยที่ 1 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1 เป็นปัญหาข้อกฎหมายโดยข้อ 2 และข้อ 4 มีปัญหาว่า การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเพียงพนักงานของบริษัท ไทยเซ็นเตอร์กรุ๊ฟ จำกัด ปกปิดข้อความจริงที่ควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน จะถือว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องโจทก์หรือไม่ และข้อ 3 มีปัญหาว่า เมื่อข้อเท็จจริงตามฟ้องบรรยายว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับพวกหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการโฆษณาแก่ประชาชนแต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ 1 มิได้เป็นผู้โฆษณา และจำเลยที่ 1 หลงต่อสู้ เช่นนี้ศาลจะลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 243 ได้หรือไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 235)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343,83 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511มาตรา 7,27 ลงโทษเรียงกระทง ฐานฉ้อโกงประชาชนจำคุก 5 ปีฐานประกอบธุรกิจจัดหางานไม่รับอนุญาตจำคุก 1 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปี 1 เดือน ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 83 ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 ฯลฯ นอกจากที่แก้คงให้ เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 233)
จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 235)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นในข้อหาความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343โดยระบุวรรคเท่านั้น เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ว่าจำเลยที่ 1 เป็นเพียงพนักงานหรือลูกจ้างของบริษัทดังกล่าวก็ดี จำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นผู้โฆษณาหลอกลวงผู้เสียหายแต่อย่างใดก็ดี เป็นฎีกาใน ปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ ฎีกาตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาจำเลยที่ 1 ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share