คำสั่งคำร้องที่ 312/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐาน ของศาล เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้าม มิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ไม่รับฎีกา ของจำเลย
จำเลยหนึ่งว่า ฎีกาของจำเลยในประเด็นที่ว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้รับฟังพยานหลักฐานโดยนำเอาคำให้การซัดทอดระหว่าง ผู้ต้องหาด้วยกันในชั้นสอบสวนมาลงโทษจำเลย คำวินิจฉัย ของศาลอุทธรณ์ภาค 3 จึงขัดต่อหลักกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และฎีกาที่ว่า การกระทำของจำเลยขาดองค์ประกอบในการ กระทำความผิดตามกฎหมายเพราะว่าโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้อง และนำสืบให้เห็นโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยได้ กระทำความผิดอย่างไร และฎีกาที่โต้แย้งคำพิพากษาของ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ในเรื่องการลงโทษจำเลยนั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายทั้งสิ้น โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของ จำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 127)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26,76 วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 จำคุก 1 ปี 4 เดือน
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 126)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 127)

คำสั่ง
ที่จำเลยฎีกาอ้างว่าเป็นข้อกฎหมายและอ้างว่าศาลอุทธรณ์ภาค 3 รับฟังพยานหลักฐานและวินิจฉัยไม่ชอบนั้น เป็นเรื่องที่บิดเบือน ข้อเท็จจริง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยเพื่อให้เป็นข้อกฎหมาย ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว

Share