แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1 โต้แย้งว่าจำเลยที่ 1 มิได้ประมาทเพียงฝ่ายเดียวโดยเป็นการประมาททั้งสองฝ่ายจึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงซึ่งทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 ที่แก้ไขแล้ว จึงไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมดแก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 เห็นว่า ฎีกาที่ว่า ศาลอุทธรณ์หยิบยก ข้อเท็จจริงที่ไม่ปรากฏในสำนวนเรื่องระยะห่างระหว่าง รถของจำเลยที่ 1 ซึ่งขับตามหลังรถของโจทก์ขึ้นมาวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ประมาทแต่ฝ่ายเดียว ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และฎีกาว่า เมื่อนายปิยะมีส่วนในการกระทำโดยประมาทด้วย โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยจึงไม่มีสิทธิรับช่วงสิทธิฟ้องคดีนั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนา คำร้องแล้วหรือไม่ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ใช้เงิน 75,750 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2532 เป็นต้นไปจนกว่าจะใช้เงินเสร็จ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 124) จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ โดยไม่ได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้น (อันดับ 125)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว จำเลยที่ 1 ไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษา หรือหาประกันมาวางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ประกอบด้วยมาตรา 247 ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1