คำสั่งคำร้องที่ 295/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับ จำเลยเห็นว่า ฎีกาข้อ 3 ของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายและคดีนี้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยมีกำหนด 6 ปี จึงไม่ต้องห้ามฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยด้วย หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 117) ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358,371,83 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคแรก,55, 72 ทวิ วรรคสอง ตอนแรก,78 วรรคแรก เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานทำให้เสียทรัพย์ จำคุก 1 ปี ฐานมีอาวุธปืนซึ่งนายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาต ให้ได้ไว้ในครอบครอง จำคุก 4 ปี ฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับ อนุญาตเป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานพาอาวุธ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนซึ่งเป็นบทหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 6 ปี ริบปลอกและหัวกระสุนปืนของกลาง ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 115) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 117)

คำสั่ง คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นโดยฟังข้อเท็จจริงว่าเกิดเหตุตามวันเวลาที่โจทก์ฟ้องจำเลยฎีกาในข้อ 3 ว่า ตามคำพยานโจทก์มิได้เกิดเหตุใน วันเวลาตามฟ้อง ข้อเท็จจริงในทางนำสืบของโจทก์จึงแตกต่าง กับข้อเท็จจริงตามฟ้องอันเป็นข้อสาระสำคัญและทำให้จำเลย หลงต่อสู้ ต้องยกฟ้อง เห็นว่า ปัญหาว่าเกิดเหตุวันเวลาใด เป็นข้อเท็จจริง ฎีกาข้อดังกล่าวของจำเลยจึงเป็นการ โต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ข้อกฎหมายเป็นฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ส่วนที่ให้จำคุกจำเลยหลายกระทงรวมแล้วเกินกว่า 5 ปี นั้น เมื่อโทษจำคุกที่ลงแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี ก็ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 218 เมื่อฎีกาของจำเลยข้อ 3 เป็นฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงดังได้วินิจฉัยมา และฎีกาข้ออื่นก็เป็น ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งจำเลยมิได้โต้แย้งในข้อนี้จึงต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับ ฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share