แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 2 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนจำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบา เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการลงโทษ เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวนั้นแม้เป็นเรื่องปัญหาข้อกฎหมาย แต่ไม่ได้เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นมาว่ากันในศาลชั้นต้นจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ไม่รับฎีกา จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมาย อันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา โปรดมีคำสั่ง ให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 50) ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4,7,8,26,75 วรรคแรก, 76 วรรคสอง 102 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 4,7,8 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522) เรื่องระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ลงวันที่ 17 กันยายน 2522 ข้อ 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 เรียงกระทงลงโทษฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 2 ปี ฐานจำหน่ายกัญชาจำคุก 2 ปี รวมจำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี ริบของกลาง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 49) จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 50)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบา เป็นฎีกาดุลพินิจของศาล เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งส่วนฎีกาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวนั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ให้รับฎีกาของจำเลยข้อนี้ไว้พิจารณา