คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า(1)ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่(2)โจทก์หรือจำเลยทั้งหกเป็นฝ่ายผิดสัญญา(3)โจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายหรือไม่เพียงใดโจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่2ถึงที่6มอบโฉนดที่ดินพิพาทให้จำเลยที่1เป็นผู้ขายและตั้งหรือเชิดจำเลยที่1หรือยอมให้จำเลยที่1เชิดตัวเองเป็นตัวแทนขายที่ดินพิพาทจำเลยที่2ถึงที่6ซึ่งเป็นตัวการต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นการฎีกาในข้อที่โจทก์มิได้บรรยายกล่าวอ้างมาในฟ้องและที่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ที่ศาลล่างทั้งสองหยิบยกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาทไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142ประกอบด้วยมาตรา246ถือว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสองทั้งไม่ใช่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนต้องห้ามฎีกาตามมาตรา249แห่งบทบัญญัติดังกล่าวศาลฏีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งหกผิดสัญญาจะขายที่ดินแก่โจทก์ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งหกจดทะเบียนโอนที่ดินแก่โจทก์ หากไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหาย หรือคืนเงินค่าที่ดิน กับใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งหกให้การว่า ไม่ได้ผิดสัญญา หากแต่ฝ่ายโจทก์เป็นผู้ผิดสัญญาเพราะไม่เคยติดต่อขอรับโอน และฟ้องเคลือบคลุมขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเฉพาะส่วนของตนให้แก่โจทก์ โดยให้โจทก์ชำระราคาตอบแทนหากจำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนายกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6มอบโฉนดที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขาย ตั้งหรือเชิดจำเลยที่ 1 หรือยอมให้จำเลยที่ 1 เชิดตัวเองเป็นตัวแทนขายที่ดินพิพาท จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ซึ่งเป็นตัวการต้องรับผิดต่อโจทก์โดยต้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทในส่วนของตนให้แก่โจทก์ตามสัญญานั้นเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์ยกขึ้นฎีกาโจทก์มิได้บรรยายกล่าวอ้างมาในคำฟ้อง และในชั้นชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้เพียง 3 ข้อ คือ
1. ฟ้องโจทก์ เคลือบคลุม หรือไม่
2. โจทก์ หรือ จำเลย ทั้ง หก เป็น ฝ่าย ผิดสัญญา
3. โจทก์ มีสิทธิ เรียกร้อง ค่าเสียหาย ได้ หรือไม่ เพียงใด
ข้อเท็จจริง ที่ ว่า จำเลย ที่ 2 ถึง ที่ 6 มอบ โฉนด ที่ดินพิพาทให้ จำเลย ที่ 1 เป็น ผู้ขาย และ ตั้ง หรือ เชิด จำเลย ที่ 1 หรือ ยอม ให้จำเลย ที่ 1 เชิด ตัวเอง เป็น ตัวแทน ขาย ที่ดินพิพาท หรือไม่ ศาลชั้นต้นมิได้ กำหนด เป็น ประเด็น ข้อพิพาท ไว้ ดังนั้น การ ที่ ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ ภาค 3 หยิบยก ข้อเท็จจริง ที่ มิได้ กำหนด เป็น ประเด็นข้อพิพาท ไว้ ดังกล่าว ขึ้น วินิจฉัย เพื่อ สนับสนุน ว่า สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาท ไม่ผูกพัน จำเลย ที่ 2 ถึง ที่ 6 และ จำเลย ที่ 2 ถึง ที่ 6ไม่ต้อง ร่วมรับผิด กับ จำเลย ที่ 1 ต่อ โจทก์ จึง เป็น การ วินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาท ไม่ชอบ ด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142 ประกอบ ด้วย มาตรา 246 ถือว่า เป็น ข้อ ที่ ไม่ได้ ยกขึ้นว่า กัน มา แล้ว โดยชอบ ใน ศาลชั้นต้น และ ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 อีก ทั้ง มิได้ เป็นปัญหา อัน เกี่ยว ด้วย ความสงบ เรียบร้อย ของ ประชาชน ศาลฎีกาไม่รับ วินิจฉัย ทั้งนี้ ตาม บทบัญญัติ แห่งกฎหมาย ดังกล่าว มาตรา 249
พิพากษายกฎีกาโจทก์

Share