แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เนื้อหาตามฎีกาเป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ได้อ่านเมื่อวันที่5 ตุลาคม 2538 แต่จำเลยไม่วางเงินค่าฤชาธรรมเนียม ซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พร้อมกับฎีกาด้วยจึงไม่รับฎีกาจำเลย คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด จำเลยเห็นว่า การที่จำเลยไม่ได้วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พร้อมฎีกานั้นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลชั้นต้นควรจะมีคำสั่ง ให้จำเลยชำระหรือวางเงินดังกล่าวภายในระยะเวลาตามที่เห็นสมควร โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 541,130 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2537 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์แต่ดอกเบี้ย ถึงวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 8 กันยายน 2537) ต้องไม่เกิน 2,335 บาท และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนด ค่าทนายความ 2,500 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความ ชั้นอุทธรณ์ 1,500 บาท แทนโจทก์ จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 46) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 48)
คำสั่ง จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับฎีกา ของจำเลยโดยจำเลยไม่ได้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้ แทนโจทก์มาวางศาลและมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษา หรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง มาตรา 234 ประกอบด้วยมาตรา 247 จึงเป็นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ดังกล่าว ให้ยกคำร้อง คืนค่าคำร้องให้จำเลย