แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา มีเหตุผลที่ชนะคดี โปรดมีคำสั่งให้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264
หมายเหตุ จำเลยทั้งสองได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 137 แผ่นที่ 3)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 977,240 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงินจำนวน 822,939 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่า จะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 114,115)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว โจทก์ยื่นฎีกาและยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 ใจความว่า
1. ขอให้ศาลมีคำสั่งไม่คืนเงินค่าฤชาธรรมเนียม ค่าทนายความ ใช้แทนโจทก์ที่จำเลยนำมาวางศาลในชั้นอุทธรณ์ เป็นเงินประมาณ 30,000 บาท
2. ขอให้โจทก์เป็นผู้เก็บรักษาเงินจำนวน 54,000 บาท ที่โจทก์ได้รับจากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลย โดยไม่ต้องส่งคืนจำเลย
เห็นว่า ตามข้อ 1. ศาลชั้นต้นได้สั่งไว้ในคำแถลงของจำเลย ลงวันที่ 27 มกราคม 2535 แล้วว่า คดียังไม่ถึงที่สุด ยังไม่อนุญาตให้คืน ศาลฎีกาไม่จำต้องสั่งซ้ำอีก
ตามข้อ 2. เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ให้โจทก์นำเงินจำนวน 54,000 บาท มาวางศาลภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งโดยไม่อนุญาตให้จำเลยรับเงินจำนวนดังกล่าวไปจากศาล จนกว่า คดีจะถึงที่สุด
