คำสั่งคำร้องที่ 2920/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ตามฎีกาข้อ 2(ก)จำเลยฎีกาเป็นข้อกฎหมายว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 1 หยิบยกเอาข้อเท็จจริงที่ไม่ปรากฏในคำฟ้องขึ้นมาวินิจฉัย เป็นการไม่ชอบ ด้วยกฎหมาย เห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 เป็นข้อเท็จจริงตามรายงานสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติ ที่ประกอบอยู่ในสำนวนคดีนี้ จึงเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริง ประกอบคำฟ้องที่ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยเป็นการแสร้ง ทำข้อเท็จจริง ให้เป็นข้อกฎหมายถือเป็นฎีกาข้อเท็จจริง ส่วนฎีกาข้ออื่น ก็เป็นฎีกาข้อเท็จจริงโดยไม่มีการขอให้รับรองฎีกา จึงต้องห้ามฎีกา ไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยในประเด็นที่ว่าศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้หยิบยกข้อเท็จจริงที่ไม่ปรากฏในคำฟ้องมาวินิจฉัย เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันควร ได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลย ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 35)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295,364 ประกอบมาตรา 365(1)-(3)การกระทำของจำเลย เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษข้อหาบุกรุกซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จำคุก 6 เดือน ริบของกลาง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 33)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 35)

คำสั่ง
ที่จำเลยฎีกาอ้างว่าเป็นข้อกฎหมายและอ้างว่าศาลอุทธรณ์ภาค 1 หยิบยกข้อเท็จจริงซึ่งไม่ปรากฏในคำฟ้องมาวินิจฉัยเป็นการ ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นปรากฏว่าข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 หยิบยกขึ้นวินิจฉัยนั้นเป็นข้อเท็จจริงตามรายงานสืบเสาะ และพินิจของพนักงานคุมประพฤติที่ประกอบอยู่ในสำนวน จึงเป็นการ วินิจฉัยโดยฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวน จำเลยฎีกา โต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ในการฟังข้อเท็จจริง จากพยานหลักฐานในสำนวน จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share