คำสั่งคำร้องที่ 2911/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถา ในวันนัดไต่สวนคำร้องศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยที่ 1 ไม่สาบานตนว่าเป็นคนยากจนก่อนที่จะมีการไต่สวน คำร้อง จึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ยากจนจริง ให้ยกคำร้อง ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกาของจำเลยที่ 1หากจำเลยที่ 1 ประสงค์จะฎีกาให้นำเงินค่าขึ้นศาลชั้นฎีกามาชำระใน 15 วัน
จำเลยที่ 1 เห็นว่า ในวันนัดไต่สวนคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถานั้นทนายจำเลยที่ 1 ได้ขอเลื่อนคดีโดยมีเหตุที่ไม่สามารถไปศาลได้ และการที่จำเลยที่ 1 ไม่สาบานตนว่าเป็นคนยากจน ในวันนัดไต่สวนคำร้องเนื่องจากถึงวันนัดมีการขอเลื่อนคดี จำเลยที่ 1 จึงไม่ไปศาล การที่ศาลชั้นต้นไม่ไต่สวนคำร้องก่อนโดยวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ไม่เป็นคนยากจนย่อมไม่ชอบ เพราะจำเลยที่ 1 ได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์มาแล้ว โปรดมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 1 ต่อไป
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 214)
ระหว่างพิจารณา โจทก์ขอถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 3ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 7,617,368.46 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของต้นเงิน 5,226,693 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดชอบกับจำเลยที่ 1ชำระเงินจำนวน 109,164.38 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราเดียวกับของต้นเงิน 100,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระหรือชำระไม่ครบให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 186,292 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตรพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 146,147,462,2061 และ 2063 ตำบลไผ่ท่าโพอำเภอโพธิ์ประทับข้าง จังหวัดพิจิตร พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้โจทก์ หากไม่ครบให้ยึดทรัพย์สินอื่น ของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้โจทก์จนครบถ้วน ต่อไป แต่ทั้งนี้จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดเกินกว่าจำนวนข้างต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถาโดยขอเลื่อนการสาบานตัวไปในวันนัดไต่สวนคำร้อง ศาลชั้นต้นอนุญาต พอถึงวันนัดทนายจำเลยขอเลื่อนคดีศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 193,194,206)
จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 207)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1 ได้รับอนุญาตให้เลื่อนการสาบานตัวให้คำชี้แจงว่าตนไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าฤชาธรรมเนียมศาลต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของศาลออกไปใน วันนัดไต่สวนวันที่ 20 เมษายน 2535 แล้ว แต่ครั้นถึงวันนัด ดังกล่าวจำเลยที่ 1 กลับไม่มาสาบานตัว และทนายจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนออกไป พฤติการณ์ดังกล่าวแสดง ให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาที่จะประวิงคดี เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนการไต่สวนและถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่มาสาบานตัวดังกล่าว ให้ ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ในชั้นฎีกาของจำเลยที่ 1 นั้นย่อมชอบแล้ว จึงให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 1 หากจำเลยที่ 1 ยังติดใจฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ก็ให้ จำเลยที่ 1 นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งนี้

Share