แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกาจึงไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ทนายจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 100)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 100,000 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่18 ธันวาคม 2531 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันที่ 12 เมษายน 2532 มิให้เกิน 2,388 บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 95)
ทนายโจทก์ยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 97)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้แสดงเจตนาบอกล้างสัญญาประกันชีวิตตามฟ้องต่อโจทก์ภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่จำเลยทราบมูลอันจะบอกล้างแล้วสัญญาประกันชีวิตดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะ จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระเงินตามฟ้องแก่โจทก์ โจทก์ฎีกาว่ายังรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยได้บอกล้างสัญญาประกันชีวิตภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่ วันที่จำเลยทราบมูลอันจะบอกล้างได้ สัญญาประกันชีวิตจึง ไม่ตกเป็นโมฆะจำเลยจึงต้องชำระเงินตามฟ้องแก่โจทก์ เป็นการ โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขแล้วให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ