คำสั่งคำร้องที่ 2898/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 4 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยที่ 4 เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก จึงไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 4 คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาแก่จำเลยที่ 4 จำเลยที่ 4 เห็นว่า ฎีกาที่ว่า การรับฟังพยานเอกสาร หมาย จ.5 ของศาลอุทธรณ์เป็นการรับฟังพยานหลักฐานที่ขัดกับข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมานั้น ยังไม่พอฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 กระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 4 ในฐานะนายจ้างของจำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 3เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญแก่คดี อันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา โปรดมีคำสั่ง ให้รับฎีกาของจำเลยที่ 4 ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานในสำนวนว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันชำระเงิน 62,704.75 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 58,330 บาท นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 13 กรกฎาคม 2536) ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้แบ่งค่าเสียหาย ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ได้รับชดใช้ออกเป็น 2 ส่วน เท่า ๆ กัน ให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ส่วนหนึ่งและให้จำเลยที่ 3 กับที่ 4 ร่วมกันชดใช้อีกส่วนหนึ่ง ให้จำเลยดังกล่าว เสียดอกเบี้ยในเงินส่วนที่ตนต้องรับผิดชดใช้ในอัตราและ ระยะเวลาตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้แก่โจทก์ด้วย นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยที่ 4 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 75) จำเลยที่ 4 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 77)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ข้ออ้างเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ของจำเลยที่ 4 ย่อมต้องอาศัยข้อเท็จจริงเพื่อการวินิจฉัยข้อกฎหมาย การเถียงข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่ยุติและต้องห้ามฎีกาเพื่อสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ตามฎีกาของจำเลยที่ 4จึงมีผลอย่างเดียวกับการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 4 ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share