แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า ผู้ร้องฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงฎีกาของผู้ร้อง เป็นการโต้แย้งว่าผู้คัดค้านสุจริตหรือไม่ เป็นฎีกา ข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกาคืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด
ผู้ร้องเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับศาลอุทธรณ์ภาค 2 มิได้พิพากษายืนตาม คำพิพากษาศาลชั้นต้น ผู้ร้องย่อมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ได้อีกทั้งฎีกาของผู้ร้องก็ยังมีปัญหาข้อกฎหมายด้วยว่า ผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลาติดต่อกันเกิน 10 ปี ย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้ว ผู้คัดค้านจดทะเบียนรับโอนที่ดิน พิพาทมาโดยไม่สุจริต ผู้ร้องย่อมยกเป็นข้อต่อสู้ผู้คัดค้าน ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299,1300โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของผู้ร้องไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ ผู้คัดค้านได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 141)
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 461ตำบลหนองไผ่แบน อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานีเฉพาะส่วนตามเส้นสีเขียวในเอกสารหมาย ร.4 เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ 7 ตารางวา ตกเป็นกรรมสิทธิ์ ของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 และคำขออื่นของผู้ร้องนอกจากนี้ให้ยก
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง ขอของผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 135)
ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 138)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้คัดค้านได้รับโอนกรรมสิทธิ์ ที่ดินพิพาทมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต แม้ผู้ร้อง จะได้ครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์แล้วก็ตาม แต่เมื่อยัง มิได้จดทะเบียนการได้มาก็ไม่อาจยกขึ้นต่อสู้ผู้คัดค้าน ได้ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้คัดค้านจดทะเบียนรับโอนที่ดินพิพาท มาโดยไม่สุจริต จึงเป็นฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 รับฟังมา อันเป็นฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริง เมื่อราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้าม มิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขใหม่ อันเป็นกฎหมาย ที่ใช้บังคับในขณะที่ผู้ร้องยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา ของผู้ร้องชอบแล้วให้ยกคำร้อง