แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสามฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ข้อความที่จำเลยทั้งสามฎีกาเป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ภาค 3 จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกจึงไม่รับฎีกาจำเลยทั้งสาม จำเลยทั้งสามเห็นว่า ฎีกาข้อ 2(ก) ที่คัดค้านอำนาจฟ้องของโจทก์ และฎีกาข้อ 2(ค) ที่ว่า ข้อความที่จำเลยทั้งสามร้องขอและเบิกความเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่ล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสามไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 91) ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 วรรคแรก จำคุกคนละ 1 ปี และปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 2 ปี ถ้าไม่ชำระค่าปรับให้ จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30 ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน จำเลยทั้งสามฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 87) จำเลยทั้งสามจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 88)
คำสั่ง คดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสามเฉพาะข้อ 2(ค) ในปัญหาที่ว่า ข้อความที่จำเลยทั้งสามเบิกความเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนฎีกาข้อ 2(ก) ที่คัดค้านอำนาจฟ้องของโจทก์เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฟังมาเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสามในข้อนี้ชอบแล้ว