แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้น ที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลอุทธรณ์มีคำสั่ง ยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ จึงเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคหนึ่งผู้ร้องไม่อาจฎีกาได้จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องนี้
ผู้ร้องเห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาล งดการบังคับคดีไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(2)กรณีจึงไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งมาตรา 236 วรรคหนึ่ง ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย เพราะเป็นเรื่องการบังคับคดี โดยเฉพาะจึงไม่ต้องห้ามฎีกาเพื่อขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัย ถึงปัญหาดังกล่าวในการที่ขอให้ศาลมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ ประกอบกับมาตรา 228(2) มิได้ห้ามคู่ความไม่ให้อุทธรณ์ หรือฎีกาในปัญหาที่เกี่ยวกับการบังคับคดี โปรดมีคำสั่ง ให้เพิกถอนหรือกลับคำสั่งของศาลชั้นต้น และมีคำสั่งให้รับฎีกา ของผู้ร้องไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
กรณีเป็นชั้นบังคับคดี
คดีสืบเนื่องมาจากคดีทั้งสามสำนวนนี้ ศาลชั้นต้น รวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกัน โดยให้เรียกนางตั้งโอ๋มิตรอุดม โจทก์สำนวนแรกว่าโจทก์ที่ 1 เรียกนางศรีนวลศีลพิพัฒน์ โจทก์สำนวนที่สองที่ว่าโจทก์ที่ 2 และเรียกนางทิพวัลย์ มาอุ่น โจทก์สำนวนที่สามว่าโจทก์ที่ 3 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสาม โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ที่รุกล้ำลงไปในลำกระโดงสาธารณประโยชน์และคูวัดมอญ (วัดบ้านมอญ) และทำให้ลำกระโดงสาธารณะและคูวัดมอญ รายพิพาทกลับคืนสู่สภาพเดิมและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ทั้งสามคนละ 1,500 บาท ต่อปีนับแต่วันฟ้อง (โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2529 วันที่ 22 มกราคม 2529 และวันที่ 27 มกราคม 2529 ตามลำดับ) ในแต่ละสำนวนเป็นต้นไป จนกว่าจำเลยจะทำให้คืนสู่สภาพเดิมเสร็จจำเลยทั้งสาม สำนวนฎีกา ศาลฎีกาพิพากษายืน จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ทั้งสามสำนวนจึงขอให้ออกคำบังคับ
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดชัยมงคลมีอำนาจปกครองดูแลทรัพย์สินที่ธรณีสงฆ์มีอาณาเขตตามโฉนดที่ดินเลขที่ 60026 และ 2556 ตำบลปากน้ำ (ท้ายบ้าน)อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการที่ดินพร้อมกุฎิวัดจึงตกเป็นธรณี สงฆ์ ไม่ตกอยู่ในการบังคับคดี ขอให้ศาลงดการบังคับคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าศาลฎีกา วินิจฉัยว่าลำกระโดงและคูวัดมอญอยู่นอกเขตโฉนดที่ดินของจำเลยและเป็นทางน้ำสาธารณะดังนั้นจึงไม่ใช่ที่วัดหรือ ที่ธรณีสงฆ์ ให้ยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้น มีคำสั่งว่า ผู้ร้องเป็นผู้กระทำแทนจำเลย มิใช่บุคคล ภายนอกคดี อุทธรณ์ของผู้ร้องไม่เป็นสาระอันควรได้รับการ วินิจฉัย ไม่รับอุทธรณ์
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นเจ้าอาวาสวัดชัยมงคล จึงเป็นผู้แทนของจำเลยตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 31 ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2535 มาตรา 12 จึงมิใช่บุคคลภายนอก ผู้ร้องจึงต้อง ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5525-5527/2536 ซึ่งถึงที่สุดแล้ว ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องยื่นคำร้องฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ไม่รับฎีกาดังกล่าว (สำนวนตอนที่ 2 อันดับ 34)
ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องนี้ (สำนวนตอนที่ 2 อันดับ 38)
คำสั่ง
กรณีศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิบัติเสธ ของ ศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของผู้ร้อง คำสั่งของศาลอุทธรณ์ ย่อมเป็นที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคแรก จะฎีกาอีกไม่ได้ ให้ยกคำร้อง