แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาในข้อเท็จจริง ไม่รับฎีกา คืนค่าขึ้นศาล จำเลยเห็นว่า ฎีกาที่ว่า การที่จำเลยครอบครองที่พิพาททั้งแปลงโดยยังมิได้มีการแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวม จำเลยจะได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาททั้งแปลงโดยการครอบครองปรปักษ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 หรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 79) ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยไปดำเนินการแบ่งแยกที่ดิน ตามโฉนดเลขที่ 8824 เลขที่ดิน 209 ตำบลลำป่า อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง ในส่วนของนายเปรมรองรัตน์ให้กับโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายเปรมรองรัตน์ถ้าจำเลยไม่ไปดำเนินการให้ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดง เจตนาของจำเลย ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 71) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 79)
คำสั่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า ยังรับฟังไม่ได้ว่า นายเปรม ยืมเงินจำเลยแล้วยกที่พิพาทตีใช้หนี้กับมอบที่พิพาทให้จำเลยครอบครอง ที่พิพาทเป็นที่ดินมีโฉนดซึ่งจำเลยและ นายเปรม ถือกรรมสิทธิ์รวม การที่จำเลยครอบครองที่พิพาทจึงต้องถือว่าเป็นการครอบครองแทนเจ้าของคนอื่นดังที่โจทก์ นำสืบตามข้อสันนิษฐานของกฎหมาย จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้รับ ที่พิพาทมาจากการตีใช้หนี้ แม้ที่พิพาทจะยังไม่แบ่งแยกเป็น สัดส่วน แต่จำเลยครอบครองที่ดินโดยสงบและเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของจำเลยย่อมได้กรรมสิทธิ์ แสดงว่าจำเลยเถียงข้อเท็จจริงว่า การครอบครองของจำเลยเป็นการครอบครองปรปักษ์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยจึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง