แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งไม่รับฎีกาจำเลย จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมี คำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปด้วย หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89,106 ทวิ ที่แก้ไขแล้ว ซึ่งเป็นการกระทำ กรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่เนื่องจากมีอัตราโทษ เท่ากัน จึงให้ลงโทษฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ไว้ในครอบครองเพื่อขายตามมาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง,89 จำคุก 5 ปี ริบของกลางให้แก่ กระทรวงสาธารณสุข ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสาม คงจำคุกมีกำหนด 3 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้ เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 69) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 70)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาอ้างเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าการจับกุมและการสอบสวนจำเลยมีการบังคับให้จำเลยลงชื่อในเอกสารชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนนั้น เห็นว่าศาลอุทธรณ์ภาค 3หาได้ฟังข้อเท็จจริงดังจำเลยฎีกาอ้างไว้เช่นนั้นไม่ จึงเป็นฎีกาโดยยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่เพื่อนำไปสู่ข้อกฎหมายว่าการจับกุมและการสอบสวนจำเลยกระทำไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา ของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง